นักวิเคราะห์ให้รายละเอียดสถานการณ์ที่เป็นไปได้สำหรับการจัดตั้งรัฐบาลชุดต่อไป

  อาจารย์รัฐศาสตร์ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช ระบุมีความเป็นไปได้ 3 กรณีในการจัดตั้งรัฐบาลชุดต่อไป ซึ่งขณะนี้ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไปข้างหน้า

ไม่สามารถเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีก    รองศาสตราจารย์ ยุทธพร อิสสระชัย กล่าวว่า สถานการณ์แรกคือพรรคเพื่อไทยจะแยกบริษัทกับเดินหน้าเพื่อจับมือกับพรรคภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ชาติไทยพัฒนา ประชาชาติ และพรรคเล็กๆ อีกสองสามพรรคในการจัดตั้งรัฐบาล

    อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยต้องสามารถอธิบายได้ว่าเหตุใดจึงตัดสินใจทิ้งพรรคเดินหน้าเพื่อไปหนุนพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นตัวแทนของเผด็จการ    สถานการณ์ที่สองคือการแยกบริษัทกับบริษัท Move Forward เพื่อจับมือกับบริษัทอื่น ๆ ยกเว้นพลังประชารัฐและสหไทย

อย่างไรก็ตาม มีข้อเสียเปรียบสำหรับสถานการณ์นี้   พันธมิตรอาจสั่งการเสียงข้างมากในสภาเพียงน้อยนิด ซึ่งอาจคุกคามเสถียรภาพ  ยิ่งกว่านั้น พรรคเพื่อไทยต้องอธิบายอีกครั้งถึงเหตุผลที่ตัดสินใจทิ้งพรรคเดินหน้า    

สถานการณ์ที่สามคือการคงอยู่ในแนวร่วมแปดพรรค แต่พรรคเพื่อไทยเป็นผู้นำในการจัดตั้งรัฐบาล

  อย่างไรก็ตาม มีโอกาสเพียงเล็กน้อยสำหรับสถานการณ์นี้ เพราะพรรคเพื่อไทยอาจไม่ได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภาที่ต่อต้านอย่างเปิดเผยในการเดินหน้าในรัฐบาลชุดต่อไป นายยุทธพรกล่าว  ยังมีปัจจัยอีก 3 ประการที่พรรคเพื่อไทยต้องแก้ไข ได้แก่ การออกจากการเมืองของนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา แผนการกลับมาของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร และการเมืองของประชาชน   

สื่อต่างประเทศรายงานความทุกข์ยากของ คุณพิธา    สื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานเกี่ยวกับการโจมตีซ้ำซ้อนที่พิธา    ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีจาก Move Forward เมื่อวันพุธ ซึ่งทำลายความหวังของเขาที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของประเทศไทย

  พิธา   ถูกสั่งพักหน้าที่ ส.ส.ชั่วคราว จากคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ คดีถือหุ้นสื่อ  ราวกับว่านั่นยังไม่เพียงพอ รัฐสภาลงมติปฏิเสธความพยายามครั้งที่สองของเขาในการเสนอชื่อชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี   สื่อต่างประเทศทุกสำนักอธิบายว่าเขาเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งทั่วไปและพรรคของเขากวาดที่นั่งในสภาได้มากกว่าพรรคอื่นๆ ในการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนพฤษภาคม  

พวกเขารายงานความโกลาหลนอกอาคารรัฐสภาเมื่อวันพุธ ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาของปิตาและผู้สนับสนุนพรรคของเขาต่อสิ่งที่เกิดขึ้นภายใน สื่อคาดการณ์ว่าการประท้วงและความวุ่นวายที่อาจเกิดขึ้น

ในอนาคตอันใกล้นี้  CNN รายงานว่า รัฐสภาของไทยปิดกั้นการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีของผู้ชนะการเลือกตั้งทั่วประเทศในเดือนพฤษภาคม คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์”  นอกจากนี้ยังตราหน้าว่า Move Forward เป็นพรรคที่ก้าวหน้าและกรณีของ พิธา  เป็นสิ่งที่ทำลายอนาคต

 

สนับสนุนโดย    คาสิโนเวียดนาม

สาวอึ้ง เก็บเงิน 12 ปี มีเงินติดบัญชีแค่หลักหมื่น

เรื่องราวนี้เกิดขึ้นกับหญิงสาวชาวไต้หวันคนนึงเมื่อเธอนำเรื่องราวของเธอไปโพสต์ลงโซเชียลเพื่อเป็นการระบายความอึดอัดใจ 

โดยข้อความที่หญิงสาวรายนี้ได้มีการโพสต์เอาไว้เธอเล่าว่าตั้งแต่เด็กนั้นแม่ของเธอก็สอนให้เธอนั้นรู้จักเก็บหอมรอมริบ ซึ่งหญิงสาวรายนี้ก็เชื่อผู้เป็นแม่ดังนั้นเมื่อเธอเรียนจบและมีงานทำเธอจึงได้ฝากเงินเก็บไว้กับแม่ของเธอ ด้วยหญิงสายรายนี้ทำงานได้เงินเดือนเดือนละ 24,000 ดอลลาร์ไต้หวันแต่เธอจะเก็บไว้ใช้เพียงแค่เดือนละ 4,500 ดอลลาร์ไต้หวันเท่านั้น

ส่วนเงินทั้งหมดเธอจะส่งไปให้กับผู้เป็นแม่เพื่อเก็บเงินให้กับเธอโดยใช้ได้ระยะเวลาเก็บเงินมานานถึง 12 ปีในที่สุดสาวชาวไต้หวันรายนี้ก็ได้มีการคำนวณเงินเก็บของตนเองในบัญชีว่าน่าจะมีมากพอถึง 2.6 6 ล้านดอลลาร์ไต้หวันแล้ว

ดังนั้น    เว็บหวยดี  เธอจึงได้ขอบัญชีจากแม่ของเธอเพื่อมาตรวจสอบยอดเงินแต่แล้วหญิงสาวชาวไต้หวันรายนี้ก็ต้องรู้สึกช็อกกับจำนวนตัวเลขในบัญชีเพราะเงินที่เธอคำนวณว่าน่าจะมีเงินติดบัญชีถึง 2.66 ล้านดอลลาร์ไต้หวันนั้นกลับมีเพียงแค่ 50,000 ดอลลาร์ไต้หวันเท่านั้นเอง 

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้หญิงสาวชาวไต้หวันรายนี้ ต้องออกมาโพสต์ระบายผ่านทางโซเชียลนั่นเพราะว่าเธอนั้นรู้สึกเสียความรู้สึกกับผู้เป็นแม่ของเธอเป็นอย่างมาก

โดยเธอไม่คิดว่าผู้เป็นแม่ของเธอจะขโมยเงินเก็บของเธอไปใช้เพราะแม่เธอมักจะบอกให้เธอเก็บเงินเอาไว้เสมอโดยแม่ของเธอจะเป็นผู้ช่วยดูแลบัญชีให้  ซึ่งหญิงสาวรายนี้มีปัญหาเรื่องของเงินไม่พอใช้อยู่หลายครั้งบางครั้งเธอต้องการที่จะไปตัดผมและมีการเบิกเงินจากแม่ออกมาเพียงแค่ 3,000 ดอลลาร์ไต้หวันเท่านั้น

แต่ก็ถูกผู้เป็นแม่หนูว่าใช้เงินเปลืองทำให้เธอไม่เคยคิดจะกล้าของเงินแม่ออกจากบัญชีมาใช้จ่ายเลยแต่เมื่อรู้ความจริงว่าเงินทั้งหมดถูกผู้เป็นแม่นำไปใช้โดยที่ไม่บอกกล่าวเธอทำให้เธอเสียความรู้สึกเป็นอย่างมาก

ปัจจุบันหญิงสาวชาวไต้หวันรายนี้ได้มีครอบครัวเป็นของตนเองเธอมีสามีและลูกที่น่ารัก 2 คนและนับตั้งแต่เธอรู้ว่าเงินในบัญชีของเธอถูกแม่ใช้จ่ายไปจนหมดนั้นเธอก็ไม่เคยให้แม่เก็บเงินให้กับเธออีกเลยโดยเธอจะเป็นคนเก็บเงินของเธอเองและเธอก็ไม่บอกแม่ของเธอด้วยว่าเธอมีเงินเดือนหรือเงินพิเศษอะไรบ้าง  

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับสาวไต้หวันรายนี้นั้นหลังจากที่เธอนำข้อมูลของเธอไปโพสต์ผ่านโลกออนไลน์ก็มีคนแสดงความคิดเห็นมากมายและมีคนเป็นจำนวนไม่น้อยที่มีประสบการณ์เช่นเดียวกับสาวไต้หวันรายนี้ 

ลุงร่ำไห้ นำเงินมารักษาพี่ชาย แปดหมื่น ถูกหัวขโมยฉกช่วงเวลานอนหลับ 

มีผลเมืองดี เข้าไปช่วยเหลือทุกคน นึ่ง นั่งเศร้าร้องไห้อยู่ ได้เข้าไปสอบถาม และอัดวีดีโอคลิป ไว้ขณะที่มีการสนทนากับลุงคนนี้ จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า ลุงคนนี้ ได้มาเฝ้าพี่ชายที่รักษาอยู่ที่โรงพยาบาล ของจังหวัดอุดรธานี และนำเงินมาจำนวน 80,000 บาท

แต่สถานที่นาโรงพยาบาล ไม่เพียงพอต่อญาติของผู้ป่วย ตนเองจึงได้มานอนพักอยู่ที่สวนสาธารณะใกล้ของพื้นที่โรงพยาบาล ได้เผลอนอนหลับไป

นอนหลับคงสนิท ถูกโจรขโมย เงินจำนวน 80,000 บาทไป ตื่นขึ้นมาไม่พบเงิน จึง เสียใจเพราะเงินกว่าจะหามาได้แต่ละบาท มาถูกขโมยไปในไม่กี่ชั่วโมง อยากจะโอนให้คนที่นำเงินไป นำเงินกลับมาคืน เพราะเงินนี้จะนำมาใช้ในการรักษาพี่ชายที่นอนป่วย รอการผ่าตัดอยู่ สัมภาษณ์ไปลุงก็น้ำตาไหลนองก้มกราบขอวิงวอนให้นำเงินกลับมา

เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2566 ลุงที่มาเฝ้าพี่ชายที่ถูกขโมยเงินไปมีนามว่า นายอดิศร อายุ 52 ปี

ยังเล่าเพิ่มเติมอีกว่า พี่ชายของตนเองนั้นป่วยเป็นเนื้องอกในสมองมารักษาอยู่ที่โรงพยาบาล ศูนย์อุดรธานี ได้ประมาณ 20 วันแล้ว และทางแพทย์ แนะนำให้ทำการผ่าตัดเนื้องอกในสมอง จึงต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากตนจึงได้ไปหาเงิน มาเป็นค่ารักษาของพี่ชาย หลังจากคลิปวีดีโอนี้ถูกได้แชร์ลงโซเชียล ต่างก็พากันสงสารลุง

และเข้าใจว่า การหาเงินแต่ละบาท ไม่ได้หามาง่ายๆ ความคิดเห็นของชาวเน็ตก็ต่างพากันสาปแช่งคนที่ขโมยเงินไป ไม่รู้จักหาเงินเอง มารักกินขโมยกินของคนอื่น โดยที่ไม่รู้ลำบาก แต่ในความโชคร้ายของลุง ก็มีผู้ใจบุญ ช่วยกัน โอนเงินบริจาค ให้กับลุง เพื่อช่วยในการรักษาค่าพยาบาลของพี่ชาย

โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2566 นั้น คุณลุงอดิศ รอและภรรยา ก็ขอขอบคุณ ผู้ใหญ่ใจบุญหรือคนไทยที่ยังมีน้ำใจ บริจาคเงินให้ในครั้งนี้ และจะขอปิดบัญชีในการรับบริจาค เพราะยอดเกินเป้าหมายที่ต้องการแล้ว ไม่รู้จะตอบแทนทุกคนยังไง ขอกราบขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือ ลุงและครอบครัว

ส่วนอาการของพี่ชายของลุงนั้น ทางแพทย์ ได้นำตัวเข้าไปทำการผ่าตัดแล้ว และทางแพทย์ก็ยัง ชี้แจงรายละเอียดของการรักษาหากทำการผ่าตัดแล้วนั้น อาจจะเป็นผู้ป่วยติดเตียง อาจจะไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนปกติของคนทั่วไป ตอนนี้ก็ภาวนาให้พี่ชายรอดปลอดภัยจากการรักษาในครั้งนี้ขอขอบคุณพี่น้องพยาบาล แพทย์ที่ทำ การผ่าตัดครั้งนี้ได้อย่างปลอดภัย

ส่วนเงินบริจาคขอผิดรับแล้ว เพียงพอต่อการใช้จ่าย โดยเป็นการปิดบัญชีธนาคารเลย ส่วนตัวลุงก็ยังบอกอีกว่า ยังเชื่อในเวรกรรม หากใคร ที่นำเงินไปนั้น ก็จะได้รับผลกรรมกับที่ได้กระทำลงไปในครั้งนี้ เชื่อว่าเวรกรรมมีจริง คุณลุงก็ฝากขอบคุณกับทุกคนน้ำใจคนไทยที่หลั่งไหลให้กับลุง

 

สนับสนุนโดย   ufabet เว็บตรง

หนุ่มพิการ ต้องไปรายงานตัว เกณฑ์ทหาร เหตุเกิดขึ้นที่จังหวัดลำพูน 

ในอำเภอเมือง ซึ่งในเดือนเมษายนนี้จะมีการ เกณฑ์ทหารของชายไทยของทุกจังหวัด และนี่เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ ที่ แชร์ในโซเชียล มีคุณแม่ท่านหนึ่ง ได้โพสต์คลิปวีดีโอ ได้พาลูกชายที่พิการนอนติดเตียงต้องนำตัว มาที่สถาน อำเภอ ในอำเภอเมืองในจังหวัดลำพูน

เพื่อมารายงานตัวว่าพิการจริง จะได้ไม่ต้องทำการ เกณฑ์ทหารในครั้งนี้ ซึ่งน้องคนที่พิการคนนี้นั้น เคยเป็นอดีตนักแสดง

แต่เกิดอุบัติเหตุ เป็นผู้ป่วยติดเตียง มาตลอด ก่อนหน้านี้ ผู้เป็นแม่ได้ไปติดต่อกับทางสัสดีที่ดูแล ในเรื่องของการเกณฑ์ทหารนั้น แจ้งไปว่า ลูกชาย เป็นผู้พิการป่วยติดเตียงและมีใบยืนยันจากทางโรงพยาบาล แต่ทาง เจ้าหน้าที่ แจ้งว่า หากไม่นำตัว ของผู้ที่มีรายชื่อเกณฑ์ทหารคุณแม่ต้องมารายงานตัวทุกๆปี

ในการ จับฉลาก แต่หาก อยากให้ สิ้นสุดในปีนี้โดยที่ไม่ต้องมา ทุกครั้งที่มีการเกณฑ์ทหาร ที่นำตัวผู้พิการ มารายงานตัว ที่ทำการ ในวันคัดเลือกทหาร ผู้เป็นแม่ ไม่อยากนำตัวรูปมา ยังนอกสถานที่ หวั่นกลัวลูกจะติดเชื้อ เพิ่มเติมเพราะเป็นผู้ป่วยติดเตียงที่อาการหนักซึ่งเป็น

อะไรที่ติดเชื้อได้ง่าย ซึ่งน้องคนนี้มีชื่อว่าน้องอ๊อฟ ธนกฤต ผู้เป็นแม่ ยังรู้สึกหดหู่ทุกครั้ง เวลาที่ มีคนมาถาม ว่า อาการลูกขนาดนี้

ยังต้องพามา ยังโกงเกมทหารอีกหรอ ต้องเจอคำถามนี้อยู่ตลอดทั้งวัน ก็มีกันต่อไปว่าทางสัสดีทางอำเภอยืนยันว่าต้องนำตัวลูกชายมาตรวจร่างกายและรายงานตัวยังสถานที่ ที่ทำการจับฉลาก มันทำให้ผู้ที่มาพบ เห็น รู้สึกสงสารน้องอ๊อฟ ที่ต้องมานอกสถานที่แบบนี้ มีความคิดเห็นแตกต่างกันไป

เหตุการณ์แบบนี้ทางเจ้าหน้าที่ทางอำเภอต้องเป็นหน่วยงานที่ออกไปยังบ้านของผู้พิการ ซึ่ง  gclub สมัครผ่านเว็บ   ผู้พิการในวัยที่จะต้องคัดทหารที่ไม่เยอะอยู่แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ราชการ ต้องไปทุกกรณีที่มีใบรับรองจากโรงพยาบาล คุณดวงกมล วุฒิโรธง อายุ 49 ปี ผู้เป็นแม่ของน้องอ๊อฟ ยังบอกอีกว่า

ก่อนหน้านี้ ลูกชายได้เป็น นักแสดงของภาพยนตร์ เรื่องหนึ่ง ชื่อเรื่อง 16 ห้าว 19 เดือด และมีวันหนึ่งลูกชายได้ขับจักรยานยนต์ไปโปรโมทหนังที่จังหวัดเชียงใหม่แต่กลับเกิดอุบัติเหตุ ถูกสาวเมาขับรถชน อาการสาหัสต้องนอนโรงพยาบาลอยู่ในห้อง ICU ประมาณ 1 เดือนและต้องกลับมารักษาตัวอยู่ที่

บ้านต่อแต่เป็นผู้พิการติดเตียง สาหัสต้องมีห้องแบบปลอดเชื้อให้ลูกอยู่ เพื่อไม่ให้ ติดเชื้อเพิ่มเติม จากที่เป็นอยู่ ส่วนผู้ก่อเหตุ สาวที่เมาแล้วชนนั้นก็ไม่มีความรับผิดชอบในการ เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ได้รับเงินมาแค่ 40,000 บาท แล้วก็เงียบหายไปซึ่งปัจจุบัน ค่ารักษาพยาบาลรวมแล้วประมาณ 3 ล้านบาท

ยังดีที่ยังได้เงินจากการประกัน มาช่วยเหลือบรรเทาไปทุกวันนี้ ก็อยากจะวอนให้ผู้ก่อเหตุที่เมาแล้วขับรถชนลูกชายออกมารับผิดชอบในครั้งนี้ด้วย ส่วนเรื่องของการเกณฑ์ทหารนั้น ทางเจ้าหน้าที่สัสดีของอำเภอ ก็บอกว่าไม่มีกฎหมายของทางทหารที่ต้องให้หน่วยงานราชการออกไปยังพื้นที่บ้านของผู้ที่มีรายชื่อพิการ ตามกฎหมายระเบียบ

ต้องมารายงานตัวณกองเกณฑ์ทหารทุกครั้ง แต่ต่อไปนี้จะทำการยื่นเรื่องไปยัง กรมทหารเพื่อให้ออกกฎหมาย มา ถึง ผู้พิการ แต่ละเคส แยกเป็นส่วนๆไป สัสดีทาง อำเภอ เมืองจังหวัดลำพูน ได้มาชี้แจงและได้กล่าวกราบขอโทษทางครอบครัวของน้องอ๊อฟเรียบร้อย

น้องดอม 1 ใน 13 เด็กที่เคยติดถ้ำ เสียชีวิต ต่างแดน 

เป็นข่าวที่น่าเสียใจสำหรับคนไทยมากที่เสียเยาวชนคนเก่งเสียชีวิตที่ต่างแดนซึ่งก็คือ นายดวงเพชร พรหมเทพ หรือน้องดอม

เด็กที่เคยติดถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน ที่จังหวัดเชียงราย เมื่อปี 2561 ครีม 13 หมูป่าอะคาเดมี่ น้องเสียชีวิตในอายุ แค่ 18 ปี เสียชีวิตลงที่ประเทศอังกฤษทราบเบื้องต้นแค่ว่าเกิดจากอุบัติเหตุยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน คุณซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง อดีต นักกีฬาทีมชาติประเทศไทย ตอนนี้ดำรงตำแหน่งประธาน มูลนิธิซิโก้

ซึ่งน้องโดมนั้นได้รับทุนไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษของมูลนิธิซิกโก้ น้องดอมเป็นคนมีความสามารถในด้านฟุตบอล น้องดอม ได้ทุนการศึกษาไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษเป็นเวลา 3 ปีในโครงการทุน Sport Education และในทุนของมูลนิธิสิโก้ด้วย ที่น้องได้รับทุนนั้นเป็นเพราะความสามารถของตัวน้องเองเก่งในด้านกีฬา

โดยเฉพาะฟุตบอลน้องเป็นคนมีทักษะนั้น มอบทุนให้ไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ น้องดอมเพิ่งจะเดินทางไปประเทศอังกฤษเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2565

ซึ่งผ่านมาได้ไม่นานพอมาถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ทั้งครอบครัวกลับได้รับข่าวร้ายของน้องดอมที่เสียชีวิตลง ณ ประเทศอังกฤษ ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าน้องดอม เข้ารับการรักษาเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งตรงกับวันหยุดของน้องดอมซึ่งพักอยู่ภายในห้องคนเดียวแต่มาทราบว่าเกิดอุบัติเหตุทางครูฝึกหลังทราบก็เรียกรถพยาบาลให้นำตัวส่ง โรง พยาบาลโดยด่วน

พอถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2566 นั้นน้องได้มีอาการหายใจอ่อนลงชีพจรก็ต่ำลงเรื่อยๆและเสียชีวิตในที่สุด ทางโรงพยาบาลจึงจะทำการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้งซึ่งเบื้องต้นมีบาดแผลตรงบริเวณศีรษะคาดว่าน่าจะล้มฟาดกับพื้น จึงได้ประสานงานผ่านสถานทูตเพื่อแจ้งให้กับครอบครัวของน้องดอม ได้ทราบ

และเรื่องการนำร่างกลับมาบำเพ็ญกุศลที่เมืองไทยหรือจะให้ดำเนินการที่ประเทศอังกฤษโดยนำกลับแค่อัฐิของน้อง ทางด้านคุณซิโก้นั้น

ก็รู้สึกเสียใจอย่างมากกับน้องดอมที่ได้เสียชีวิตตรงเพราะน้องเป็นคนเก่งและตั้งใจมีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักกีฬาทีมชาติพยายามฝึกฝนอยู่เรื่อยๆจนมีผลงานกับเพื่อนๆอนาคตน้องกำลังจะไปได้ด้วยดีทั้งคนซิโก้ระหว่างที่ให้สัมภาษณ์ก็ ร่ำร้องไห้ ออกมา และได้ติดต่อไปทางของพ่อแม่น้องดอม

จะทำการประสานงานไปยังสถานทูตเพื่อติดต่อ นำร่างน้องกลับมาบำเพ็ญกุศลที่ประเทศไทยให้ได้จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้นำน้องกลับมาที่ประเทศไทยจะช่วยอย่างเต็มที่และพร้อมที่จะบินไปประเทศอังกฤษโดยทันที ก็ต้องรอทาง โรงพยาบาลที่ประเทศอังกฤษตรวจสอบรายละเอียดการตรวจสอบร่างกายที่ชัดเจนอีกครั้งว่าสาเหตุการเสียชีวิตนั้นเป็นเพราะอะไร

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    ufabet

ตึกย่านชินจูกุไฟไหม้ 

มีการเปิดเผยจากสำนักข่าว NHK เกี่ยวกับเหตุการณ์ไฟไหม้ที่ประเทศญี่ปุ่นด้วยเหตุการณ์ไฟไหม้นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 เดือนมกราคม ปี พ.ศ 2567

ซึ่งเป็นวันผ่านพ้นช่วงปีใหม่มาเพียงแค่ 4 วันเท่านั้นเองโดย  ufabet    สถานที่ที่เกิดเพลิงไหม้นั้นอยู่ในย่านใจกลางกรุงของเมืองโตเกียวซึ่งก็คือย่านชินจูกุนั่นเอง โดยเพิงไร่นั้นเกิดขึ้นที่อาคารสูงแห่งหนึ่งซึ่งมีความสูงถึง 12 ชั้น 

สำหรับเพลิงไหม้ในครั้งนี้ยังไม่มีรายงานข่าวถึงสาเหตุของการเปิดเพลิงไหม้ซึ่งภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้เข้าไปควบคุมสถานการณ์พบว่ามีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ไฟไหม้อาคาร 12 ชั้นใจกลางกรุงโตเกียวในครั้งนี้จำนวนถึง 8 รายด้วยกันโดยตามรายงานข่าวระบุว่าเพลิงไหม้นั้นเกิดขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 16:20 น. ส่วนห้องที่ทำให้เกิดเพลิงไหม้นั้นก็อยู่ที่บริเวณชั้น 3 

สำหรับตัวอาคารที่เกิดเพลิงไหม้นั้นเป็นอาคารสูงอยู่ในย่านศูนย์การค้าดังนั้นจึงมีผู้คนเป็นจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในตัวอาคารในช่วงเวลาที่เกิดเพลิงไหม้ โดยบางคนนั้นก็สามารถหนีออกมาได้ทัน  ตัวอาคารอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดิน นิชชิน-จูกุซึ่งตัวอาคารนั้นอยู่ทางฝั่งตะวันตก ของชินจูกุ 

เจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควรกว่าจะสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ซึ่งเบื้องต้นนั้นได้มีการสำรวจพื้นที่ที่เกิดความเสียหายพบว่าอยู่ตรงบริเวณชั้น 3 และชั้น 4 ของตัวอาคารโดยมีความเสียหายทั้งสิ้นประมาณ 40 ตารางเมตร 

สำหรับประเทศญี่ปุ่นนั้นนับตั้งแต่หลังปีใหม่มาก็ประสบกับเหตุการณ์ร้ายแรงมากมายติดต่อกันทุกวันซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 เดือนมกราคมปีพ.ศ 2567

นั้นประเทศญี่ปุ่นก็ต้องประสบกับปัญหากับเหตุการณ์แผ่นดินไหวซึ่งความรุนแรงของแผ่นดินไหวนั้นนำมาซึ่งการเกิดสึนามิประชาชนหลายสิบคนต้องเสียชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้โดยทางประเทศญี่ปุ่นเองยังไม่สามารถที่จะจัดการปัญหาแล้วเสร็จก็เกิดเหตุการณ์เครื่องบินภายในสนามบินชนกัน 

ต่อมาหลังจากนั้นไม่นานก็เกิดเหตุการณ์คนร้ายใช้มีดไล่แทนคนบนรถไฟฟ้า และล่าสุดยังต้องมาเจอกับเหตุการณ์ไฟไหม้ตึกในย่านชินจูกุอีกเรียกได้ว่าปีนี้สำหรับประเทศญี่ปุ่นนั้นเป็นปีแห่งความโชคร้ายเลยก็ว่าได้เพราะเจอเรื่องของอุบัติเหตุร้ายๆติดต่อกันถึง 4 วันติดเลยทีเดียว 

อย่างไรก็ตามหากช่วงนี้ใครอยากจะเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นแต่ก็เกรงจะประสบปัญหาไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแผ่นดินไหวหรือสึนามิแนะนำว่าสามารถเดินทางไปเที่ยวได้ปกติเนื่องจากว่าประเทศญี่ปุ่นเองก็มีแผนการรับมือมีการแจ้งเตือนเหตุการณ์ก่อนล่วงหน้าทำให้ความเสี่ยงที่อาจจะเกิดอันตรายนั้นลดน้อยลง 

พ่อ-แม่ จับลูกสาววัย 2 ขวบขังในเครื่องซักผ้าโพสต์อวด Social 

เมื่อวันที่ 17 เดือนกรกฎาคมปีพ.ศ 2566 ช่วงเวลาประมาณบ่ายสามโมงตรง   กันจอมพลังได้ประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน. ท่าข้าม เดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่งเพื่อทำการควบคุมตัวชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งมีคนแจ้งเบาะแสมาว่าทั้งคู่ได้ทำร้ายลูกสาววัย 2 ขวบของตนเองด้วย

การทำร้ายร่างกายและที่สำคัญยังจับเด็กน้อยวัย 2 ขวบขังไว้ในเครื่องซักผ้าพร้อมทั้งถ่ายภาพโพสต์ลงโซเชียลเพื่ออวดคนอื่นอีกด้วย 

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อชาวบ้านและคุณครูที่อยู่ที่ศูนย์รับเลี้ยงเด็กที่หนูน้อยวัย 2 ขวบเรียนอยู่สังเกตเห็นว่าตามร่างกายของเด็กมักจะมีรอยฟกช้ำอยู่เสมอ  นอกจากนี้ใน Facebook ของพ่อและแม่ของเด็กยังมีการพบภาพเด็กอยู่ในเครื่องซักผ้าพร้อมทั้งมีการระบุแคปชั่นว่าเด็กดื้อต้องโดนทำโทษ 

ทำให้ชาวบ้านตัดสินใจติดต่อไปที่การจอมพลังเพื่อให้มาตรวจสอบและช่วยเหลือเด็กวัย 2 ขวบคนดังกล่าวเพราะเกรงว่าอาจจะเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ 

เมื่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและการจอมพลังเดินทางไปถึงบ้านพักของหนูน้อยวัย 2 ขวบก็ได้มีการเชิญตัวพ่อและแม่ของเด็กเพื่อมาสอบถามพูดคุยซึ่งทางพ่อและแม่ของเด็กก็ให้การยอมรับว่าได้มีการลงมือทำร้ายเด็กจริงแต่จะลงมือทำร้ายเด็กเฉพาะเวลาที่เด็กดื้อและไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนเท่านั้น 

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังตรวจสอบพบว่าพ่อของเด็กไม่ใช่พ่อแท้ๆแต่เป็นพ่อเลี้ยงที่พึ่ง  ทางเข้า gclub ใหม่    มาอยู่อาศัยกับแม่ของเด็กเพียงแค่ 2-3 เดือนเท่านั้นเนื่องจากว่าพ่อที่แท้จริงของเด็กนั้นเพิ่งเสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ไม่นานเนื่องจากว่าถูกไฟดูดตาย 

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการควบคุมตัวพ่อกับแม่ของเด็กไปที่สถานีตำรวจและทำการตรวจปัสสาวะว่ามีสิ่งเสพติดหรือไม่ซึ่งไม่พบสารเสพติดในร่างกายแต่เนื่องจากทั้งคู่ได้มีการลงมือลงไม้ทำลายเด็กอายุ 2 ขวบซึ่งมีความผิดตามกฎหมายพ.ร.บคุ้มครองเด็กถึงแม้ว่าเด็กจะเป็นลูกของตนเองก็ตามเนื่องจากว่ามีกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงในครอบครัวดังนั้นพ่อเลี้ยงและแม่ของเด็กจึงต้องถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี

สำหรับหน้าเด็ก 2 ขวบที่ถูกทำร้ายร่างกายได้ถูกช่วยเหลือเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยเด็กจะถูกส่งตัวไปให้ทางเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ช่วยดูแลไปก่อนหลังจากนั้นก็จะมีการพิจารณาอีกทีว่าจะย้ายเด็กไปอยู่ที่ไหนหรืออาจจะมีการประสานงานกับญาติของเด็กให้มารับตัวเด็กไปเลี้ยงดู 

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่พ่อเลี้ยงหรือแม่เลี้ยงทำร้ายลูกเลี้ยงนั้นมีให้เห็นทุกๆสมัยมีมาตั้งแต่ในสมัยอดีตแล้วดังนั้นหากใครที่มีลูกเล็กต้องการที่จะมีสามีหรือมีภรรยาใหม่ควรเลือกคนที่รักลูกของตนเองจริงๆเพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาพ่อเลี้ยงหรือแม่เลี้ยงทำร้ายเด็กเกิดขึ้น

ตำรวจจับกุมพ่อเลี้ยงวัย 21 ทำร้ายเด็ก 4 ขวบเสียชีวิตได้แล้ว

            จากกรณีที่มีคุณพ่อรายหนึ่งได้ติดต่อไปที่มูลนิธิของปวีณาหงสกุลเพื่อให้เข้าช่วยเหลือตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตของลูกชายวัย 4 ขวบโดยคุณพ่อรายนี้ระบุว่าได้เลิกรากับภรรยาไปเมื่อประมาณ 7 เดือนที่ผ่านมาหลังจากเลิกรากันไปแล้วภรรยาก็มีสามีใหม่และพาลูกหนีทำให้เขาไม่สามารถติดต่อลูกชายวัย 4 ขวบได้เลย 

ตำรวจจับกุมพ่อเลี้ยงวัย 21 ทำร้ายเด็ก จนในที่สุดช่วงประมาณต้นเดือนมิถุนายน ปี 65 ปรากฏว่าเขาฝันเห็นลูกชายทุกวันจนเกิดความสงสัยจึงได้พยายามที่จะติดต่อไป

ที่ทางภรรยาจนมารู้ภายหลังว่าลูกชายเสียชีวิตแล้วตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม ปี 65

       อย่างไรก็ตามเบื้องต้นภรรยาระบุว่าลูกชายเสียชีวิตเพราะอาหารติดลำไส้แต่เนื่องจากว่าความสงสัยทำให้ผู้เป็นพ่อพยายามสืบหาความจริงจึงประสานงานกับมูลนิธิของปวีณาติดต่อโรงพยาบาลที่รักษาอาการหนูน้อยวัย 4 ขวบจนพบว่าสาเหตุของการเสียชีวิตนั้นเพราะถูกทำร้ายร่างกายจนลำไส้แตกจนเป็นที่มาของการหาคนร้ายมาดำเนินคดีในครั้งนี้

       ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วซึ่งก็คือพ่อเลี้ยงของเด็กเองโดยคนร้ายนั้นอายุเพียงแค่ 21 ปี

และขณะนี้ยังคงเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยราชภัฏแห่งหนึ่งโดยศึกษาคณะครุศาสตร์ชั้นปีที่ 3   นอกจากนี้พ่อเลี้ยงคนดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการฝึกงานที่โรงเรียนแห่งหนึ่งอีกด้วย  

          อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ที่ซอยจรัญสนิทวงศ์ 57 เขตบางพลัด หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวพ่อเลี้ยงตีนโหดได้แล้วจึงได้นำตัวมาที่สถานีตำรวจเพื่อทำการสอบปากคำจนในที่สุดนักศึกษาหนุ่มก็ให้การยอมรับว่าเป็นคนทำร้ายเด็กจนถึงแก่ความตายจริง  เนื่องจากว่าคนร้ายจนมุมด้วยหลักฐานที่เพื่อนบ้านได้มีการแอบอัดคลิป ซึ่งเป็นคลิปเสียงขณะที่พ่อเลี้ยงหนุ่มได้ทำร้ายหนูน้อยวัย 4 ขวบ 

           โดยในคลิปเสียงมีการระบุไม่ให้เด็กวัย 4 ขวบเรียกตนเองว่าพ่อ  ซึ่ง  ufabet   คนร้ายได้บอกกับเด็กว่าเด็กไม่ใช่ลูกของตนเองแต่เป็นลูกติดของแม่นอกจากนี้ยังมีตอนหนึ่งในคลิปเสียงที่ถูกระบุว่า

ถ้าหากยังเรียกพ่ออีกจะต่อยหน้าอีกรอบซึ่งเป็นหลักฐานได้เป็นอย่างดีนอกจากนี้เพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้กลับห้องเช่าที่พ่อเลี้ยงและแม่ของเด็กอาศัยอยู่ต่างก็ให้กันตรงกันว่าช่วงเวลาประมาณตี 1 ตี 2 มั้งจะได้ยินเสียงของเด็กร้องไห้อยู่เป็นประจำและมักจะพบเห็นเด็กมีร่องรอยการถูกทำร้ายตามตัวเขียวช้ำ 

จับได้แล้ว ไอ้ตาล มือฆ่านายจ้างฝั่งดิน 

จากกรณีที่นายจ้าง ถูกฆ่าฝังดินภายในบ้านของตนเองนั้น ลูกสาวได้แจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าพบเบาะแสมีชายหนุ่มคนหนึ่งพักอาศัยอยู่ภายในบ้านแล้วรีบหนีไปจากบ้านหลังดังกล่าว ได้มีการบอกลักษณะของผู้ ลงมือฆ่าพ่อของตนแล้วนั้น เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2566

ได้มีพลเมืองดีพบเห็นนายตาลคนที่ลงมือฆ่าพ่อของเธอนั้นแถวถนนวิภาวดีมุ่งหน้าไปยังดินแดงเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบ ไปยังพื้นที่ที่พลเมืองดีแจ้งทันที

ก็พบเห็นนายตาล ลักษณะการแต่งตัวเหมือนกับบุคคลที่ลูกสาวของผู้เสียชีวิตให้ข้อมูลไว้เบื้องต้น เพราะนายตามนั้นหลังจากที่ได้หนีออกจากบ้านของตนแล้วนั้นได้ขึ้นแท็กซี่ไปลงแถวถนนแจ้งวัฒนะ และเดินเท้าเปล่าไปจนถึงถนนวิภาวดีมุ่งหน้าไปถนนดินแดงแต่ถูกจับกุมได้ในที่สุด เจ้าหน้าที่ตำรวจรีบบุกเข้าจับค้นนายตาลทันที

แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีการขัดขืนใดๆและไม่มีอาการ สะทกสะท้าน กลัวเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด ทำหน้านิ่ง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อาการ เหมือนคนเมายา พูดจาวกไปวนมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบนำตัวไปยัง พื้นที่ที่ก่อเหตุเพื่อสอบถามรายละเอียดอีกที ด้านตัวของลูกสาวผู้เสียชีวิตจึงได้เดินทาง มาพบนายตาลพูดที่ลงมือฆ่าพ่อของตน

จึงได้ตะโกนถามว่าทำไมถึงได้ลงมือฆ่าพ่อเป็นอะไรถึงได้ลงมือทำขนาดนี้จิตใจโหดเหี้ยม เกินมนุษย์ที่จะลงมือฆ่าคนได้แบบนี้

แต่ก็ไม่มีการ ตอบกลับจากนายตาลแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เบื้องต้นจากการสอบถามนายตามนั้นให้ข้อมูลว่าถูกนายจ้างไม่จ่ายค่าแรงตามที่ทำงานไป ถูกโกงเงินเดือน จึงเกิดการทะเลาะกัน จึง เป็นเหตุ ถึงค่าในครั้งนี้ และผู้ตายยังชักชวน ให้ผู้ลงมือฆ่า นวดให้และ บังคับให้มีเซ็กส์ด้วย

จึงเกิดการทะเลาะกันครั้งใหญ่ จึงหา อุปกรณ์ใกล้เคียง ทุกที่ทำร้าย จนผู้เสียชีวิตนอนแน่นิ่งไป ไม่มีทางออก จึงนำศพไปฝังไว้ที่ดินภายในบ้านของผู้ตาย ทางด้านครอบครัวของผู้เสียชีวิตนั้น จึงอยากให้ คนที่ลงมือทำร้ายพ่อของเธอนั้น ถูกประหารชีวิตในครั้งนี้ไม่มีการลดโทษแต่อย่างใดชีวิตต้องแลกด้วยชีวิตให้รู้จัก กับความเจ็บปวดและรับกรรมกับสิ่งที่ทำลงไปในครั้งนี้

หวั่นกลัวว่าภายในอนาคตหากได้มีการลด โทษให้ ชายคนนี้จะออกมาลงมือฆ่าผู้อื่นอีกเหตุเพราะมีการคับแค้นอยู่ภายในใจ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ค้านการประกันตัวแต่อย่างใด ทางแม่ของนายตาลก็รับทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและไม่มีการประกันตัวลูกชายใดๆทั้งสิ้นให้รับกรรมกับที่ทำลงไป

เพราะลูกชายคนนี้นิสัยแย่มากเป็นคนไม่ดีต่อสังคม ให้ทางกฎหมายดำเนินไปตามกฎหมายได้เลยประหารชีวิตได้ก็ประหารไปเลยให้เขาได้รับผิดชอบกับสิ่งที่ได้ทำลงไป อย่างที่ เขาบอกกันว่า ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิตยอมรับผลกรรมที่กระทำลงไป ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้ข้อหานายตาล ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรอง โทษหนักสุด ถึงขั้นประหารชีวิต และทั้งจำทั้งปรับ

 

ขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย    gclub

Oppo เตือนภัย ระวังมิจฉาชีพแอบอ้างชื่อ หลอกลวงขายสินค้าให้

 

                 มีการประกาศออกมาเป็นเอกสารอย่างเป็นทางการมาจากบริษัท Oppo ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตอุปกรณ์ด้านไอทีและเครื่องมือถือสมาร์ทโฟน   โดยประกาศดังกล่าวเปิดเผยเมื่อวันที่ 18 เดือนพฤษภาคม ปีพ.ศ. 2565 เนื่องจากว่ามีลูกค้าหลายรายได้มีการร้องเรียนเข้าไปที่บริษัท Oppo Thailand ระบุว่าถูกมิจฉาชีพหลอกลวงขายสินค้าให้ราคาถูกเมื่อมีการโอนเงินไปให้ก็ไม่ได้สินค้ากลับมา

          ดังนั้นบริษัท Oppo จึงได้มีการออกเอกสารยืนยันซึ่งเอกสารดังกล่าวนั้นออกมาจาก Oppo Thailand ซึ่งเป็นบริษัทตัวแทนของ Oppo บริษัทแม่ที่ออกมาชี้แจง

เกี่ยวกับการหลอกลวงขายสินค้าภายใต้ชื่อของบริษัท Oppo ในช่วงนี้โดยในเอกสารยืนยันว่าทางบริษัท Oppo นั้นจะไม่มีการส่งเสริมรายการหรือการเสนอสิทธิพิเศษใดๆที่จะเป็นการจูงใจหรือลดราคาให้กับลูกค้าโดยให้สังเกตว่าถ้าราคาถูกเกินจริงนั้นจะไม่ใช่ของแบรนด์ Oppo แน่นอน

          โดยปกติแล้วสำหรับลูกค้าคนไหนที่ต้องการสั่งสินค้าของแบรนด์ Apple นั้นลูกค้าสามารถที่จะสามารถสั่งสินค้าได้ที่ Oppo Brand Shop และช่องทางการจำหน่ายตามร้านทั่วไปที่เป็นตัวแทนของทาง Oppo  โดยตรง  นอกจากนี้การชำระเงินค่าสินค้าของแบรนด์ Oppo  นั้น เลขที่บัญชีจะเป็นชื่อบัญชีของบริษัทเท่านั้นจะไม่มีการให้ชำระเงินโดยการโอนเงินเข้าเลขที่บัญชีของบุคคลอื่นอย่างแน่นอน

         นอกจากนี้หากลูกค้าของทาง Oppo คนไหนอยากจะสั่งซื้อสินค้าผ่านทาง Social เช่น Facebook หรือว่า LINE official ของทาง Oppo นั้นควรจะต้องมีการตรวจสอบชื่อ Facebook และ LINE ให้ดีว่าเป็น LINE ของทาง Oppo จริงหรือไม่หรือ Facebook ของทาง Oppo จริงหรือไม่

          เนื่องจากในขณะนี้มีแก๊งมิจฉาชีพได้มีการหลอกลวงสร้าง Facebook และ LINE ปลอมขึ้นมา  ufabet   โดยสังเกตเห็นว่าสินค้าที่ถูกนำมาขายให้กับลูกค้านั้นจะมีการลดราคาให้ถูกเป็นพิเศษและนอกจากนี้บัญชีที่ให้โอนก็ยังเป็นบัญชีของบุคคลอื่นซึ่งสามารถยืนยันได้ว่านั่นคือเป็นพวกมิจฉาชีพ

เพื่อที่จะหลอกลวงขายสินค้าให้กับลูกค้าแนะนำว่าไม่ควรที่จะมีการซื้อสินค้าผ่านทาง facebook หรือ LINE ปลอมหากไม่มั่นใจแนะนำว่าให้ติดต่อตัวแทนจำหน่ายของทาง Oppo โดยตรงจะเป็นการดีที่สุด 

           อย่างไรก็ตามในขณะนี้มีมิจฉาชีพที่มักจะมีการเปิด Facebook หรือเปิด Social Media ไม่ว่าจะเป็น Twitter หรือ Instagram เพื่อนำสินค้าอุปกรณ์ไอทีต่างๆมาขายและถ้าลูกค้ามีการหลงเชื่อโอนเงินให้ก็จะไม่ได้รับสินค้า  ดังนั้นหากใครก็ตามที่สั่งซื้อสินค้าผ่านทาง Social Media ต่างๆควรจะต้องมีการตรวจสอบร้านค้าให้ดีเพื่อป้องกันการถูกมิจฉาชีพหลอกลวงหลอกให้โอนเงินฟรีนั่นเอง