เซ็นค้ำประกันเป็นเหตุ  สุดท้ายกำลังจะโดนยึดบ้าน

        เซ็นค้ำประกันเป็นเหตุ  เมื่อวันที่ 16 เดือนพฤษภาคมปีพศ 2564   ได้มีชายคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในจังหวัดเพชรบูรณ์  ได้ติดต่อขอนักข่าวเพื่อขอร้องเรียนเกี่ยวกับบ้านที่ตนอยู่อาศัยอยู่ในตอนนี้กำลังจะถูกยึด โดยชายคนดังกล่าวนั้นเป็นผู้พิการโปลิโอมาตั้งแต่เกิด   เขาได้เล่าให้นักข่าวฟังว่า บ้านที่เขาอาศัยอยู่ในขณะนี้เป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูงเป็นบ้านที่เขาอยู่อาศัยกับพ่อแม่และน้องชายมาตั้งแต่เด็ก

และบ้านหลังนี้ก็เป็นสมบัติของแม่ของเขาแต่แล้วอยู่ๆเขาก็ได้รับจดหมายส่งมาจากทางกรมบังคับคดีแจ้งว่าจะมีการติดประกาศขายบ้านหลังนี้ทอดตลาด

             ซึ่งเขาและน้องชายค่อนข้างงงมากจะถามพ่อก็ไม่สามารถทำได้แล้วเนื่องจากพ่อเสียชีวิตมาปีกว่าแล้วเขาจึงได้มีการโทรไปสอบถามที่กรมบังคับคดีจึงได้รู้ว่าบ้านหลังดังกล่าวนั้นพ่อของเขาเคยไปเซ็นค้ำประกันการซื้อรถให้กับอาของเขาแล้วสุดท้ายของเขาก็ไม่ยอมจ่ายเงินปล่อยให้รถโดนยึดสุดท้ายแล้วศาลจึงสั่งให้อายัดบ้านหลังนี้ เพราะยังมีเงินต้องจ่ายส่วนต่างหลังจากยึดรถไปแล้วอีกประมาณ 7 หมื่นกว่าบาทชายคนนี้ยังบอกอีกด้วยว่าครอบครัวเขาไม่เคยมีใครรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย

              เพราะเอกสารจากหมายศาลไม่เคยส่งมาถึงครอบครัวของเขามารู้ตัวอีกทีก็ได้เอกสารว่าจะยึดบ้านเพื่อขายทอดตลาดแล้วอย่างไรก็ตามเขาได้มีการติดต่อไปทางอาของเขาเพื่อให้ออกมารับผิดชอบ   แต่อาของเขาก็นิ่งเฉย  ทำให้เขาไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร

เพราะตัวเขาเองขนาดนี้ก็เป็นคนพิการทำอะไรไม่ได้และไม่ได้มีเงินเก็บมากพี่จะไปใช้หนี้แทนผู้เป็นอาตอนนี้เขาและน้องชายได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักมากซึ่งเขาไม่รู้ว่าจะต้องติดต่อหน่วยงานไหนดังนั้นเขาจึงได้มีการร้องเรียนมาทางนักข่าวเพื่อให้ช่วยหาทางออกให้กับเขาด้วยในตอนนี้

           น้องชายของเขาเองก็เดือดร้อนไม่ต่างกันเพราะจากที่ต้องทำงานบริษัทมีเงินเดือนตอนนี้ก็ต้องออกมาจากงานเพื่อมาติดต่อกับหน่วยงานต่างๆวิ่งเต้นเพื่อที่จะทำอย่างไรก็ได้ให้บ้านไม่ถูกยึดอย่างไรก็ตามเขาได้มีการ ติดต่อไปยังกรมบังคับคดีโดยบอกกับทางเจ้าหน้าที่ว่าเขาเป็นคนพิการและเขาไม่มีเงินที่จะจ่ายหนี้ให้และไม่ต้องการให้ถูกยึดบ้านเพราะไม่เช่นนั้นเขาจะไม่มีบ้านอยู่อาศัยซึ่งทางกรมบังคับคดีก็เห็นใจและให้เขาผ่อนจ่ายเดือนละ 4,000 บาทได้

          อย่างไรก็ตามแต่เขาเป็นคนพิการที่ไม่ได้มีงานทำเพราะฉะนั้นเงินที่เขาก็มีใช้จ่ายในแต่ละเดือนก็คือเบี้ยเลี้ยงคนพิการซึ่งจะได้เพียงแค่เดือนละ 800 บาทเพียงเท่านั้นเขาจึงไม่รู้ว่าจะหาเงินก้อนนี้มาจากไหน เขาจึงอยากฝากเรื่องนี้ไปถึงคนที่พ่อเขาเซ็นค้ำประกันให้ว่าให้ช่วยออกมารับผิดชอบและเห็นใจเขาและครอบครัวของเขาด้วยเพราะเขาไม่สามารถที่จะรับผิดชอบแทนได้และที่สำคัญตัวเขาเองแล้วก็น้องชายไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลยจึงอยากให้หน่วยงานที่ติดตามหนี้ควรจะไปตามกับคนที่เป็นหนี้โดยตรงไม่ควรมาตามกับคนเซ็นค้ำประกันให้นั่นเอง 

ลูกค้าโต้กลับดราม่า รีสอร์ทเขาค้อ ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ 

           ลูกค้าโต้กลับดราม่า มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นประเด็นดราม่าร้อนแรงมากเมื่อมีหญิงสาวรายหนึ่งได้มีการโพสต์ภาพใน Application tiktok พร้อมทั้งมีการบรรยายเอาไว้เกี่ยวกับภาพที่เธอได้มีการโพสต์ลงเอาไว้ซึ่งเธอระบุว่าเธอได้เดินทางไปเที่ยวที่จังหวัดเพชรบูรณ์โดยเลือกเข้าพักที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งในอำเภอเขาค้อ 

โดยเธอระบุว่าเมื่อเธอเข้าพักเธอได้มีการสั่งอาหารจากทางรีสอร์ทและได้รับการบริการที่ไม่ค่อยประทับใจเนื่องจากอาหารสกปรกมีแมลงตกใส่นอกจากนี้อาหารราคาค่อนข้างแพงแต่ได้ปริมาณค่อนข้างน้อย

     หลังจากที่มีการโพสต์เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปก็ทำให้คนในโลกออนไลน์ออกมาวิจารณ์ราคาอาหารเป็นจำนวนมากโดยมองว่าข้าวผัดกระเพรากุ้งในราคาที่ทางรีสอร์ทเลขเก็บถึงจานละ 230 บาทแต่กลับมีกุ้งในจานเพียงแค่ 4 ตัวนั้นเป็นราคาที่แพงมากจนเกินไปส่วนข้าวต้มกุ้งที่มีแมลงตกใส่ลอยเต็มจานข้าวนั้นทางคนในโลกออนไลน์ก็แนะนำให้ทางเจ้าของโพสต์ติดต่อทางรีสอร์ทเพื่อทำเรื่องขอคืนเงิน

         อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นานทางรีสอร์ทเองก็ออกมาตอบโต้และชี้แจงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยทางรีสอร์ทได้อธิบายถึงเหตุผลเกี่ยวกับราคาผัดกระเพราที่แพงซึ่งทางรีสอร์ทมองว่าทางรีสอร์ทให้บริการเต็มที่แล้วสำหรับอาหารที่มีแมลงตกใส่ทางรีสอร์ทได้มีการเปลี่ยนอาหารให้ส่วนผัดกระเพรานั้นราคาสมเหตุสมผลเนื่องจากว่ารีสอร์ทอยู่บนภูเขาต้องใช้ระยะเวลาในการเดินทางขนวัตถุดิบนานและลูกค้าสั่งในช่วงที่ครัวปิดแล้วจึงมีการคิดค่าบริการชาร์จเพิ่ม

       นอกจากนี้ทางรีสอร์ทยังระบุว่าถ้าหากลูกค้าไม่พอใจก็น่าจะมีการร้องเรียนทางรีสอร์ทตั้งแต่ตอนที่ยังเข้าพักอยู่เพราะว่าลูกค้านอนถึง 2 คืนด้วยกันแต่ลูกค้ามาโพสใน tiktok  ทำให้รีสอร์ทได้รับความเสียหายโดยทางรีสอร์ทยืนยันว่าจะมีการรวบรวมเอกสารทั้งหมดเพื่อทำการฟ้องร้องลูกค้าคนดังกล่าว 

          หลังจากเรื่องนี้รู้ไปถึงหูลูกค้าที่มีการโพสต์ข้อความในtiktok  เธอก็ออกมาตอบโต้ใหม่อีกครั้งหนึ่งโดยเธอระบุว่าที่เธอต้องพักถึง 2 คืนเนื่องจากว่าเธอมีการจองห้องพักล่วงหน้าเอาไว้แล้วและเธอไม่รู้ว่าสามารถคืนห้องพักได้ในขณะที่เรื่องของราคาอาหารนั้นเธอยืนยันว่ามีราคาที่แพงจนเกินไปเพราะเธอขับรถออกจากรีสอร์ทไม่ไกลมากนักก็มีร้านขายอาหารข้างทางซึ่งเธอสั่งผัดกระเพรากุ้งเหมือนกันแต่ราคาถูกกว่าและอร่อยกว่าของรีสอร์ท

         นอกจากนี้เธอยังชี้แจงด้วยว่าที่เธอต้องสั่งอาหารจากทางรีสอร์ทถึง 3 ครั้งด้วยกันนั้นก็เพราะว่าเธอกินอาหารที่ทางรีสอร์ทเตรียมเอาไว้คอยบริการลูกค้าที่เข้าพักไม่อิ่มเธอจึงต้องมีการสั่งอาหารกับทางรีสอร์ทเพิ่มซึ่งอันที่จริงแล้วรสชาติของอาหารก็ไม่ได้อร่อยถูกปากเลย 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  Gclub ฝากขั้นต่ำ50

ยกโขยงครอบครัวมากินชาบู แต่ไม่ยอมจ่ายเงิน อ้างไม่ได้สั่งพร้อมทั้งบอกมีเงินติด ตัวแค่ 200 บาท

        กินชาบูแต่ไม่ยอมจ่ายเงิน  เมื่อวันที่ 13 เดือนมิถุนายน ปีพ.ศ. 2564 ได้มีร้านชาบู  ชื่อว่า โค้ยกี้ หม้อไฟ  ได้ออกมาโพสต์เรื่องราวลงใน Social Media ของทางร้านโดยระบุว่า  ทางร้านได้เจอครอบครัวหนึ่งซึ่งมาด้วยกันทั้งหมด 4 คนมาหลอกสั่งอาหารเต็มโต๊ะและหลังจากกินอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไม่ยอมที่จะจ่ายค่าอาหารโดยอ้างว่าทางร้านได้มีการนำอาหารมาส่งให้มั่วและพวกเขาไม่ได้เป็นคนสั่งหลังจากนั้นก็โยนความผิดว่ารูปของพวกเขาเป็นคนสั่งรวมถึงยังระบุว่าคิดว่าเป็นการกินแบบบุฟเฟ่ต์

 

ซึ่งจำนวนอาหารที่ครอบครัวนี้ได้มีการสั่งไปนั้นคิดเป็นเงินทั้งสิ้น 1085 บาท

อย่างไรก็ตามเมื่อทางร้านยืนยันที่จะเรียกเก็บเงินทางด้านคนเป็นแม่ก็ออกมาต่อว่าพนักงานและโวยวายเสียงดังทำให้แขกในร้านคนอื่นนั้นบางคนก็ลุกหนีออกจากร้านไปเลยในขณะที่พนักงานนั้นถูกด่าจนร้องไห้เลยทีเดียว

         อย่างไรก็ตามเมื่อทางเจ้าของร้านต้องการที่จะคุยกับลูกค้าผ่านทางโทรศัพท์เนื่องจากว่าเจ้าของร้านนั้นทำธุระอยู่ที่ กรุงเทพฯ  มาที่จะมาคุยได้  ปรากฏว่าผู้หญิงคนที่เป็นแม่นั้นยืนยันไม่ยอมรับโทรศัพท์จากเจ้าของร้านและทางเจ้าของร้านอย่ามาคุยกับลูกค้าก็จะต้องขับรถมาคุยกับลูกค้าเองและยืนยันว่าลูกค้าจะไม่ยอมจ่ายเงินทั้งนี้ยังๆ มีเงินติดตัวเพียงแค่ 200 บาทเท่านั้นแล้วถ้าหากว่าร้านชาบูอยากได้เงินทั้งหมดก็ต้องไปฟ้องร้องเอาเอง

           อย่างไรก็ตามหลังจากที่เจ้าของร้านไม่สามารถตกลงกับลูกค้าได้ในที่สุดก็ได้ทำการประชดลูกค้าด้วยการบอกให้กินฟรีซึ่งหลังจากที่ลูกค้ารู้ว่าทางร้านให้กินฟรีนั้นก็ยังกลับมานั่งกินอาหารที่โต๊ะเหมือนเดิมนอกจากนี้หลังจากกินอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว  หญิงคนที่เป็นแม่นั้นก็ยังมีการพูดกับพนักงานร้านก่อนที่จะเดินออกนอกร้านด้วยว่าขอบคุณที่ให้กินฟรี

         ซึ่งเรื่องราวนี้ทางเจ้าของร้านได้นำมาโพสต์ไว้ใน Facebook ของทางร้านเพื่อเป็นอุทาหรณ์และให้ร้านอื่นๆระมัดระวังลูกค้ารายนี้เอาไว้โดยทางเจ้าของร้านบอกว่าลูกค้านั้นแต่งกายดีพร้อมทั้งยังขับรถหรูดูมีราคาขนาดทะเบียนรถก็ยังเป็นทะเบียนรถหรูแต่กลับไม่มีเงินจ่ายเพียงแค่ค่าชาบูพันกว่าบาทเท่านั้น 

      อย่างไรก็ตามฉันได้เจ้าของร้านได้มีการโพสต์เพิ่มเติมด้วยว่าก่อนหน้าที่จะประชดให้ลูกค้ากินฟรีนั้นเขาได้มีการยื่นข้อเสนอให้กับลูกค้าหลายอย่างด้วยการไม่ว่าจะเป็นส่วนลด 10% ให้และเพิ่มเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ให้ ไม่สนใจที่จะพูดคุยได้รับส่วนลดใดๆเลยยืนยันที่จะไม่จ่ายเพียงอย่างเดียวเท่านั้นและให้ทางร้านแจ้งความเอาผิดเด็กวัย 14 ปีซึ่งเป็นลูกชายเพราะเป็นคนสั่งอาหารมากินทั้งหมดนั่นเอง

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย    ufabet ฝากถอน ไม่มีขั้นต่ำ ออโต้

พนักงานร้านอาหารตะลึงเมื่อลูกค้าให้ทิปเป็นจำนวนกว่าสามแสนบาท 

       พนักงานร้านอาหารตะลึง   เว็บไซต์ต่างประเทศมีการรายงานข่าวออกมาเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมปีพ.ศ. 2564 ว่าที่ประเทศสหรัฐอเมริกามีร้านอาหารร้านหนึ่งที่ชื่อว่าร้าน  wahoo  seafood grill ซึ่งร้านดังกล่าวนั้นอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียได้มีการออกมาเปิดเผยข้อมูลทางผ่าน Facebook ของทางร้าน  โดยทางเจ้าของร้านได้กล่าวชื่นชมลูกค้าที่ไปใช้บริการที่ร้านรายหนึ่ง

           สำหรับข้อความที่เจ้าของร้านได้ชื่นชมลูกค้าผ่านทาง facebook นั่นก็เพราะว่า เมื่อวันที่ 17 เดือนสิงหาคมปีพศ 2564  ได้มีลูกค้ารายหนึ่งไปรับประทานอาหารที่ร้านซึ่งวันดังกล่าวนั้นเป็นวันที่ทางร้านแม่แทบไม่มีลูกค้าเลยและลูกค้าคนดังกล่าวเป็นลูกค้ารายแรกของทางร้านด้วยร้านดังกล่าวขายเป็นอาหารประเภทซีฟู้ดนับตั้งแต่มีการระบาดของไวรัส covid เข้ามาทำให้จำนวนลูกค้าที่มาใช้บริการที่ร้านลดลงซึ่งแน่นอนว่าทางร้านเองก็ประสบปัญหาอย่างหนักเรื่องของรายได้ที่เข้ามาในแต่ละวัน

       อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เจ้าของร้านประทับใจรวมถึงพนักงานทุกคนภายในร้านต่างก็ประทับใจมากนั่นก็เพราะว่าเมื่อลูกค้ารายดังกล่าวสั่งอาหารเสร็จเรียบร้อยและรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาได้มีการจ่ายค่าอาหารหลังจากนั้นก็มีการเรียกพนักงานทุกคนของทางร้านออกมาพูดคุยโดยเขามีการมอบเงินเป็นทิปให้กับพนักงานทุกคนโดยให้คนละ 1000  ดอลลาร์หรือ ถ้าหากคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณคนละ 33,000 บาทเลยทีเดียว ทั้งที่ในวันดังกล่าวนั้นลูกค้าทานอาหารไปเพียงแค่ 144.66 ดอลลาร์ เพียงเท่านั้น 

        อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ในครั้งนี้ลูกค้าที่ให้ทิปพนักงานสูงมากกว่า 300 บาทนั้นระบุว่าเขาเข้าใจดีว่าทุกคนกำลังประสบปัญหาความเดือดร้อนในยุคที่โควิคกำลังระบาดและเขาอยากเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือพนักงานทุกคนเมื่อก็มารับประทานอาหารที่นี่และเห็นถึงความลำบากของพนักงานทุกคนจึงอยากช่วยเหลือให้พนักงานทุกคนผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้

       ภายหลังจากที่พนักงานทุกคนเห็นทิพย์ที่ได้รับนั้นทุกคนต่างก็ตกตะลึงเพราะลูกค้ารายนี้ต้องจ่ายเงินเป็นจำนวนถึง สามแสนบาทกว่าบาทในขณะที่กินอาหารไปแค่เพียง 4800 บาทเท่านั้นและทุกคนรู้สึกซาบซึ้งกับการช่วยเหลือในครั้งนี้เป็นอย่างมากพนักงานทุกคนยืนยันว่าพวกเขาจะใช้เงินที่ได้รับมานี้อย่างดีที่สุด และสิ่งนี้สร้างความประทับใจให้กับพนักงานทุกคนมาก

      สำหรับทางด้านเจ้าของร้านเองก็ระบุว่าเขาไม่เคยเจอลูกค้าที่ใจดีอย่างนี้มาก่อนเขารู้สึกซาบซึ้งกับการช่วยเหลือของลูกค้ารายนี้เป็นอย่างมากอย่างไรก็ตามทางร้านไม่ได้ระบุชื่อหรือหน้าตาของลูกค้าที่ให้ทิปพนักงานในครั้งนี้โดยทางร้านระบุว่าลูกค้ายืนยันว่าไม่อยากที่จะเปิดเผยตัวตนนั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย.  ufabet เว็บไหนดี

สาวตกงานชวนเพื่อมาดื่มเหล้า ก่อนสั่งลา และกระโดดจากชั้น 24 ลงมาเสียชีวิต

 

         กระโดดจากชั้น 24 ลงมาเสียชีวิต เมื่อช่วงเวลาตีหนึ่ง ของวันที่ 30  เดือนสิงหาคมปีพ.ศ. 2564  

เจ้าหน้าที่ตำรวจของสถานีตำรวจ สน. มักกะสัน  ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งได้ตกลงมาจากคอนโดแล้วเสียชีวิตซื้อคอนโดดังกล่าวนั้นเป็นคอนโดอยู่ในพื้นที่บริเวณย่านสถานบันเทิง RCA พระราม 9   เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงคอนโดดังกล่าวพบว่าคอนโดดังกล่าวนั้นมีความสูงทั้งหมด 24 ชั้นด้วยกันและศพตกลงมาติดอยู่ที่บริเวณชั้น 6 ซึ่งเป็นชั้นที่มีสระว่ายน้ำโดยศพนั้นตกลงมาอยู่ตรงบริเวณทางเดินริมสระว่ายน้ำพอดี 

            จากสภาพศพนั้นมีสภาพแข็งและขาหักทั้งสองข้างโดยศพที่กระโดดลงมานั้นเป็นเพศหญิงชื่อว่านางสาวจิรวรรณอายุ 34 ปีใกล้ๆกันนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 30 ปีระบุว่าเป็นเพื่อนของผู้เสียชีวิตกำลังยืนร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจอยู่    จากการให้ข้อมูลของเพื่อนชายของผู้เสียชีวิตระบุว่าผู้เสียชีวิตนั้นเป็นเพื่อนรุ่นพี่และมีอาชีพเป็นพนักงานทำงานในสถานบันเทิงในช่วงเวลากลางคืนแต่ในช่วงนี้ผู้เสียชีวิตค่อนข้างเครียดอย่างหนักเนื่องจากว่าไม่มีงานทำมาหลายเดือนแล้วเพราะการระบาดของไวรัสโควิคทำให้รัฐบาลประกาศปิดสถานบันเทิงเป็นการชั่วคราว 

           ในวันเกิดเหตุนี้ผู้เสียชีวิตได้มีการชักชวน นายโจซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นน้อง  มาดื่มเบียร์ที่ห้องเนื่องจากเกิดความเครียดเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าห้องและเจ้าของห้องจะทำการยึดผ่อนคืนภายในเดือนตุลาคมนี้แล้ว  ดังนั้นทั้งคู่จึงได้มีการซื้อเบียร์และโชจูมาผสมแล้วดื่มกันอย่างไรก็ตามเมื่อดื่มไปได้สักพักผู้เสียชีวิตเริ่มมีอาการเมา และเริ่มระบายความเครียดของตนเองให้เพื่อนรุ่นน้องฟัง

        นอกจากจะเครียดเรื่องของเงินไม่มีใช้แล้วยังเครียดที่พี่ชาย 2 คนติดเชื้อไวรัส covid อีกด้วยทำให้ผู้เสียชีวิตเกรงว่าตนเองนั้นจะติดเชื้อไวรัสโควิตเช่นเดียวกันซึ่งผู้เสียชีวิตได้ซื้อ ชุดตรวจ มาทำการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิตแล้วซึ่งผลปรากฏว่าเป็นลบแต่ผู้เสียชีวิตก็ยังคนข้างๆเป็นกังวลใจอยู่อย่างไรก็ตามเมื่อเมาได้ที่แล้วผู้เสียชีวิตก็พูดทำนองว่าจะไม่อยู่แล้วจะไปแล้วหลังจากนั้นผู้เสียชีวิตก็เดินไปที่ระเบียงแล้วกระโดดลงไปทันทีโดยที่เพื่อนรุ่นน้องไม่สามารถที่จะจับตัวไว้ได้ทัน

            อย่างไรก็ตามห้องพักของผู้เสียชีวิตนั้นอยู่ชั้น 24 ดังนั้นผู้เสียชีวิตจึงโดดลงมาตั้งแต่ชั้น 24 แล้วบอกมาอยู่ที่ชั้น 6 ทำให้สภาพร่างกายนั้นกระดูกหักหลายซี่และเสียชีวิตคาที่ทันที เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตรวจสอบภายในห้องพักก็พบเบียร์และ shoujo แต่ไม่พบร่องรอยการต่อสู้กันหรือการรื้อค้นข้าวของซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานว่าผู้ตายน่าจะเกิดจากความเครียดจึงตัดสินใจคิดสั้นอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการตรวจสอบข้อมูลต่างๆเพิ่มเติมรวมถึงกล้องวงจรปิดของคอนโดด้วยเพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิตเพิ่มเติมต่อไป 

 

สนับสนุนโดย.  gclub สล็อตฟรี