น้องเจมส์วัย 18 ถูกสาวหลอกให้โอนเงิน  ก่อนจมน้ำตาย 

          เมื่อวันที่ 19 เดือนเมษายน ปีพศ 2564  เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุจากชาวบ้านว่ามีคนพบศพ  ชายวัยรุ่นเสียชีวิตอยู่ภายในอ่างเก็บน้ำโครงการแก้มลิงชลประทาน  ซึ่งอ่างเก็บน้ำดังกล่าวนั้นอยู่ที่หมู่บ้านสะพานไทร  จังหวัดตรัง   ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิตมีลักษณะของการจมน้ำเสียชีวิตแต่บริเวณที่ขาของผู้เสียชีวิตนั้นกลับมีเชือกไนลอนสีเขียวมัดเอาไว้ที่ข้อเท้าทั้งสองข้าง  เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีการสันนิษฐานว่าผู้เสียชีวิตนั้นน่าจะต้องการฆ่าตัวตายจึงมากระโดดน้ำที่อ่างเก็บน้ำดังกล่าว

         อย่างไรก็ตามทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจและมีการตรวจสอบพบว่าผู้เสียชีวิตนั้นชื่อว่านายตนุภัทรหรือน้องเจมส์อายุเพียงแค่ 18 ปีเท่านั้นหลังจากนั้นจึงได้แจ้งทางครอบครัวของน้องเจมส์เพื่อให้ทราบและรับศพไปทำการฌาปนกิจศพ  หลังจากที่ครอบครัวของน้องเจมส์ทราบว่าน้องเจนเสียชีวิตทางครอบครัวก็เสียใจเป็นอย่างมากและได้มีการนำโทรศัพท์มือถือของผู้เสียชีวิตมาทำการตรวจสอบเพราะไม่เชื่อว่าน้องเจมส์จะฆ่าตัวตายโดยไม่มีสาเหตุ

           เนื่องจากว่าน้องเจนเป็นเด็กดีขยันและตั้งใจเรียนและเมื่อครอบครัวของน้องเจมส์มีการเปิดโทรศัพท์มือถือของน้องเจนขึ้นมาดูจึงพบข้อความที่น่าสงสัยเป็นข้อความที่น้องเจมส์คุยกับหญิงสาวคนหนึ่งในลักษณะที่หญิงสาวมีการส่งข้อความมาขอยืมเงินน้องเจนอยู่เป็นประจำและยังมีสลิปการโอนเงินจากเครื่องของน้องเจมส์ไปให้กับหญิงสาวคนดังกล่าวเป็นจำนวนหลายพันบาทที่สำคัญข้อความใน LINE ของน้องเจนนั้นยังมีระบุถึงว่าน้องเจนได้มีการทวงเงินกับหญิงสาวคนดังกล่าว  และข้อความสุดท้ายที่น้องเจมส์ส่งไปหาหญิงสาวคนดังกล่าวนั้นเป็นวันที่ 14 เดือนเมษายนพ.ศ 2564

      ซึ่งใจความของข้อความระบุว่าน้องเจนจะไม่อยู่แล้วและจะไม่มีใครได้เจอหน้าน้องเจนอีกแล้วอีกทั้งยังระบุในข้อความได้ว่าตลอดระยะเวลาที่คุยกับหญิงสาวมามีแต่คุยกันเรื่องเงินเรื่องทองอย่างเดียวรวมถึงพ่อให้เงินไปแล้วหญิงสาวก็ไม่ยอมคืนเงินดังนั้นถ้าคุณพ่อของน้องเจนจึงเชื่อว่าลูกชายของตนเองนั้นน่าจะมีสาเหตุมาจากการถูกหญิงสาวคนดังกล่าวหลอกลวงเอาเงินไป

       อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบเงินที่มีการโอนไปนั้นปรากฏว่าเป็นเงินที่น้องเจนไปทำการกู้ยืมเงินมาจากทางกยศเพื่อที่จะเอาเงินดังกล่าวนั้นมาใช้สำหรับเรียนต่อและยังมีเงินเก็บที่น้องเจมส์ไปทำงานแล้วเก็บเอาไว้เพื่อใช้เป็นทุนในการศึกษาซึ่งครอบครัวของน้องเจมส์ชื่อว่าน้องเจนน่าจะเกิดจากความเครียดที่เงินที่เตรียมไว้เรียนนั้นหายไปหมดเพราะหลังจากที่มีการตรวจสอบข้อความใน LINE และไปเช็คเงินในบัญชีของน้องเจมส์ปรากฏว่าเงินเหลือเพียงแค่ 60 บาทเท่านั้น ซึ่งจากหลักฐานทั้งหมดทำให้ยืนยันได้ว่าน้องถุกหลอกให้โอนเงินให้จึงคิดสั้นฆ่าตัวตาย 

 

 

สนับสนุนโดย.  gclub สมัครสมาชิก

คนอินโดนีเซีย บลูลี่การแต่งงานของเกย์ไทย ส่งผลดราม่าระหว่างประเทศ 

           กำลังเป็นกระแสดราม่าข้ามประเทศระหว่างประเทศไทยกับประเทศอินโดนีเซียเมื่อมีการเผยแพร่ภาพการแต่งงานของคู่เกย์ไทยคู่หนึ่งซึ่งมีการจัดพิธีการแต่งงานกันอย่างน่ารักด้วยครอบครัวของทั้งสองคนนั้นก็รับรู้และร่วมแสดงความยินดีซึ่งภายในงานนั้นทุกคนต่างมีความสุขแต่หลังจากที่มีการแชร์ภาพงานแต่งงานออกไปใน Facebook 

        ปรากฏว่ามีการแชร์ภาพดังกล่าวไปถึงประเทศอินโดนีเซียหลังจากนั้นก็เกิดกระแสดราม่าระหว่างประเทศเกิดขึ้นเมื่อคนอินเดียที่ได้รับชมภาพการแต่งงานของคู่เกย์ไทยต่างก็ออกมาโพสต์ข้อความต่อว่าเกี่ยวกับการแต่งงานในครั้งนี้ซึ่งหลายคนนั้นค่อนข้างดูถูกชายทั้งคู่ที่แต่งงานกันบางคนมีการโพสต์ว่าชายไทยคู่นี้ที่แตกต่างกันนั้นเป็นคนบ้ารวมถึงพระเจ้ากำลังจะร้องไห้เมื่อได้เห็นสิ่งนี้และยังระบุว่าทั้งคู่แต่งงานกันก็ไม่สามารถมีลูกได้และยังมีข้อความอื่นตามมาอีกมากมาย

              ซึ่งส่งผลทำให้คนไทยหลายคนที่ได้เห็นข้อความของชาวอินโดนีเซียนั้นต่างรู้สึกไม่พอใจเพราะมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคนไทย และมีการจัดงานแต่งงานในประเทศไทย  แต่ทำไมถึงนำภาพของคนไทยไปแชร์ในประเทศอินโดนีเซียแล้วมีการบูลลี่กันเกิดขึ้นซึ่งแน่นอนว่าทางด้านคู่แต่งงานก็คือคุณสมายกับคุณบาสได้ออกมาพูดถึงเรื่องราวดังกล่าวว่าพวกเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าคนอินโดนีเซียมาสนใจเกี่ยวกับงานแต่งงานของเขาเพราะอะไร

          เพราะทั้งที่จริงแล้วเขาจัดงานแต่งงานในประเทศไทยและไม่ได้ไปจัดที่ประเทศอินโดนีเซียหรือไปป่าวประกาศเรื่องของเขาในประเทศอินโดนีเซียเลย  แต่กลับกลายเป็นว่าคนอินโดนีเซียไม่พอใจกับงานแต่งงานของพวกเขาซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจว่าคนอินโดนีเซียมายุ่งอะไรกับเรื่องราวของพวกเขาด้วยเพราะถ้าหากคนอินโดนีเซียการแต่งงานของชายรักชายก็ไม่ควรที่จะเข้ามาดู Facebook ของเขาหรือไม่ควรที่จะมาแชร์ข้อความของเขาแล้วพากันมาบูรี่รวมถึงยังมีการโทรมาและวีดีโอคอลมาต่อว่าพวกเขาอีกด้วย

           อย่างไรก็ตามแต่เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดเป็นกระแสดราม่าระหว่างประเทศกันเลยทีเดียวเนื่องจากว่าตัวคนไทยเองหลายคนนั้นก็ไม่พอใจคนประเทศอินโดนีเซียที่ออกมาต่อว่าคู่แต่งงานชายรักชายคู่นี้ในขณะที่คนอินโดนีเซียนั้นค่อนข้างที่จะแอนตี้กลุ่มเพศทางเลือกเนื่องจากว่าอินโดนีเซีย เป็นกลุ่มชาวมุสลิมซึ่งคนกลุ่มนี้นั้นไม่ชื่นชอบกลุ่ม คนประเภททางเลือกที่ 3 จึงทำให้เกิดมีกระแสน้ำมากข้ามประเทศเกิดขึ้นนั่นเอง 

        อย่างไรก็ตามเราคงต้องมารอดูกันว่า สุดท้ายคนอินโดจะหยุดการบลูลี่หรือไม่ หรือเรื่องนี้จะกลายมาเป็นความขัดแย้งระหว่างประเทศในอนาคต

 

 

สนับสนุนโดย  gclub slot ทดลองเล่น

คำถามข้องใจ ทำไมเวลาออกรถใหม่ป้ายแดง ต้องถ่ายรูปคู่กับรถยนต์ด้วย 

           ถึงแม้ว่าจะไม่เคยมีใครออกมาพูดถึงเรื่องนี้มาก่อนแต่เชื่อว่าหลายๆคนก็คงต้องมีความคิดแนวเดียวกันนี้มันก็คือแนวความคิดที่ว่าเวลาคนเราไปซื้อรถยนต์ที่โชว์รูม  ซึ่งเป็นรถใหม่ป้ายแดงทางด้านเซลล์ที่ขายรถยนต์นั้น  

        มักจะให้เจ้าของรถนั้นต้องถ่ายรูปคู่กับรถก่อนที่จะเอารถออกจากศูนย์ได้ซึ่งการถ่ายรูปอย่างเดียวมันไม่พอรถยนต์จะต้องมีการนำวงสีแดงขนาดใหญ่มาปลูกเอาไว้และที่สำคัญเจ้าของรถก็ยังต้องถือกุญแจรถซึ่งมีขนาดใหญ่มากโชว์ไว้ในรูปอีกด้วย  แน่นอนว่าใครที่เคยออกรถใหม่ป้ายแดงนั้นเคยถ่ายรูปกับรถที่ตัวเองซื้อกันเป็นอย่างดีเลยทีเดียวเพราะการกระทำแบบนี้เกิดขึ้นทุกพันธุ์กับคนที่ไปซื้อรถใหม่ป้ายแดงนั่นเอง

          ในที่สุดก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งเกิดความสงสัยเดินเข้ามาตั้งกระทู้สอบถามคนในโลกออนไลน์โดยเขามีการตั้งกระทู้ในพันทิปเนื่องจากว่าเขาเพิ่งไปซื้อรถใหม่ป้ายแดงมาแต่เขาต้องถ่ายรูปคู่กับรถและยังต้องถือกุญแจดอกใหญ่รวมถึงยังต้องเห็นรถยนต์ของตนเองนั้นมีโบว์ขนาดใหญ่เป็นอันดับอยู่

         ซึ่งเขานั้นเกิดความสงสัยว่าเหตุไฉนเราจึงจำเป็นต้องมาถ่ายรูปคู่กับรถยนต์ก่อนที่จะออกจากโชว์รูมและแน่นอนว่าเมื่อคนในพันทิปได้เห็นกระทู้ที่เขาตั้งถามก็พากันออกมาพูดถึงเรื่องนี้กันเป็นอย่างมากโดยส่วนใหญ่มองว่าวิธีการนี้จะทำให้เซลล์ขายรถยนต์นั้นได้ประโยชน์ก็คือเซลล์ขายรถ

          เพราะสามารถนำภาพดังกล่าวเก็บไว้เป็นโปรไฟล์ส่วนตัวที่จะสามารถบ่งบอกได้ว่าเซลล์คนนี้มีความเก่งมากแค่ไหนขายรถในแต่ละปีได้กี่ปีและลูกค้าเป็นใครกันบ้างอีกทั้งโชว์รูมที่ขายรถได้นั้นก็ยังสามารถเก็บข้อมูลของลูกค้าและเก็บสถิติการขายรถยนต์ได้สามารถนำมาแสดงให้ลูกค้าคนอื่นๆที่มาดูรถได้ว่าโชว์รูมของเขานั้นมีความน่าเชื่อถือมากแค่ไหน ก็สามารถนำรูปของลูกค้าที่ถ่ายคู่กับป้ายแดงมาเป็นหลักฐานได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว

            อีกฝ่ายหนึ่งกลับมองว่าผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ก็เป็นตัวลูกค้าที่ไปซื้อรถเองเพราะคนเราซื้อรถใหม่ป้ายแดงก็อยากจะโชว์ให้คนอื่นๆเห็นดังนั้นการถ่ายรูปคู่กับรถจึงเป็นสิ่งที่หลายๆคนนั้นอยากขายอยู่แล้วเพื่อที่จะได้นำออกไปโชว์ให้กับคนทั่วไปได้เห็นว่าตนเองนั้นทำงานเก็บเงินและออกรถใหม่ป้ายแดงมาใช้นั่นเอง

            อย่างไรก็ตามสำหรับคำถามนี้ก็มีคนออกมาพูดถึงเรื่องนี้กันด้วยว่าถ้าหากว่าลูกค้าคนไหนไม่อยากจะถ่ายรูปกับรถทางโชว์รูมก็ไม่ได้มีการบังคับแต่อย่างไร

 

สนับสนุนโดย.    ทางเข้า ufabet ภาษาไทย

ผัวฆ่าเมียตาย เพราะพิษรักแรงหึง 

           เมื่อวันที่ 27 เดือนมีนาคม ปี พ.ศ. 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจประจำจังหวัดเพชรบุรีได้รับแจ้งเหตุมีคนถูกฆ่าตายจำนวน 4 รายด้วยกันซึ่งแต่ละรายนั้นจะอยู่กันคนละที่ส่วนสาเหตุของการฆ่ากันตายนั้นเป็นสาหัสเดียวกันนั่นก็คือเกิดมาจากเรื่องของพิษรักแรงหึงนั่นเอง 

       อย่างไรก็ตามสำหรับคู่แรกนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 ช่วงเวลาประมาณ 09:00 น โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุว่ามีคน พบศพสามีภรรยาคู่หนึ่งซึ่งเปิดบ้านเป็นร้านปะยางรถยนต์นอนเสียชีวิตอยู่ภายในร้านทั้งคู่โดยศพทั้งสองคนนั้นนอนอยู่บนเตียงมีลักษณะของการนอนกอดกัน  

          จากการตรวจสอบเบื้องต้นของการเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าผู้เสียชีวิตที่เป็นฝ่ายหญิงซึ่งเป็นภรรยานั้นอายุ 21 ปีลักษณะของศพนั้นถูกใช้ผ้ามัดปากและมัดมือและถูกของแข็งตีทั้งร่างกายจนเสียชีวิตในขณะที่ฝ่ายชายนั้นอายุ 43 ปีเป็นสามีเสียชีวิตจากการถูกอาวุธปืนยิงไปที่บริเวณศีรษะ

          จากการตรวจสอบของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สอบถามพยานที่อยู่ใกล้กับจุดเกิดเหตุ ได้ความว่าสามีภรรยาคู่นี้มักจะมีการทะเลาะกันเป็นประจำเนื่องจากว่าสามีนั้นหึงหวงภรรยาเพราะปัญญาของตนเองนั้นยังเป็นวัยรุ่นจึงเกรงว่าภรรยานั้นจะมีผู้ชายคนใหม่ในวันดังกล่าวนั้นฝ่ายชายได้ทะเลาะกับฝ่ายหญิงและได้ใช้ไม้แขวนเสื้อมัดไปที่มือของฝ่ายหญิงแล้วจับไข้หลังเอาไว้

        หลังจากนั้นก็เอาผ้ามามัดปากแล้วใช้อาวุธซึ่งเป็นท่อแป๊บเหล็กกระหน่ำตีไปที่ร่างของฝ่ายหญิงจนฝ่ายหญิงเสียชีวิต   และอาจจะสำนึกผิดจึงใช้อาวุธปืนของตนเองยิงไปที่ศีรษะของตนเองจนเสียชีวิตลงซึ่งตรงจุดเกิดเหตุนั้นพบอาวุธสังหารทั้งเป็นปืนและท่อแป๊บเหล็กตกอยู่ข้างศพด้วย

            ในขณะเดียวกันเวลาต่อมาไม่นานนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุว่ามีผู้พบศพอีก 2 ศพซึ่งเป็นสามีภรรยากันเช่นเดียวกัน ทั้งคู่นั้นเป็นชาวพม่าซึ่งชาวบ้านให้การว่าทั้งคู่นะเพิ่งแต่งงานกันได้เพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้นและต้องกู้เป็นพนักงานที่ทำงานอยู่บริษัทสยามเดลี่ฟู้ดส์จำกัด

            ตั้งแต่ที่แต่งงานกันได้ไม่นานช่วงหลังๆ  สามีภรรยาคู่นี้มักจะทะเลาะกันเป็นประจำเกี่ยวกับเรื่องของการหึงหวงโดยเพื่อนบ้านมักจะได้ยินเสียงของทั้งคู่นั้นทะเลาะกันซึ่งในวันเกิดเหตุเพื่อนบ้านก็ได้ยินเสียงของทั้งคู่ทะเลาะกันเช่นเดียวกันแต่ไม่มีใครสนใจเพราะมีการทะเลาะกันเป็นประจำอยู่แล้ว

        จนวันรุ่งขึ้นเพื่อที่ทำงานเห็นว่าทั้งคู่ไม่ไปทำงานจะได้โทรหาแต่ไม่มีคนรับสายเพื่อนจึงพากันมาที่บ้านหลังดังกล่าวแล้วจึงมาพบว่าทั้งคู่นั้นเสียชีวิตโดยตำรวจคาดว่าฝ่ายชายนั้นน่าจะใช้กันในแปลงปัญญาของตนเองเสียชีวิตก่อนหลังจากนั้นจึงใช้กันไปอันเดียวกันนั้นแทงตัวเองตายตาม 

 

 

สนับสนุนโดย.    sexybaccarat

อุบัติเหตุ รถนักท่องเที่ยวเบรคหมด  พุ่งลงจากเนินเขา ทำคนเจ็บเกิน 10 คน

         เมื่อวันที่ 13 เดือนกุมภาพันธ์ ปี พ.ศ. 2564  เกิดเหตุบริเวณขาลงของสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดเพชรบูรณ์ซึ่งสถานที่ดังกล่าวนั้นก็คือภูทับเบิกแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของจังหวัดเพชรบูรณ์นั่นเอง โดยอุบัติเหตุในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อนักท่องเที่ยวเดินทางมาท่องเที่ยวที่ภูทับเบิกและกำลังจะกลับซึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวนั้นมีด้วยกันทั้งหมด 11 คน

        และขณะที่ลงเขาเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อรถที่ขับมานั้นไม่สามารถทำการเบรกได้ทำให้รถพุ่งลงเนินเขาจนรถพลิกคว่ำคนที่อยู่บนรถกระเด็นออกนอกตัวรถยนต์ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด  ซึ่งในเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาประมาณ 7:30 น.   โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุจากพลเมืองดีให้มายังจุดเกิดเหตุดังกล่าวพร้อมกันนี้ยังได้มีการประสานงานไปยังมูลนิธิต่างต่างอีกหลายมูลนิธิด้วยกันเพื่อให้มารับคนบาดเจ็บไปส่งที่โรงพยาบาล

        เบื้องต้นนั้นทางด้านเจ้าหน้าที่มูลนิธิได้มีการนำคนที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลทั้งหมด 5 คนด้วยกันเนื่องจากว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสส่วนอีก 6 คนที่เหลือนั้นยืนยันว่าตนเองบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยจึงไม่ต้องการที่จะไปที่โรงพยาบาลแต่อย่างไรและทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ได้มีการพูดคุยกับคนที่ขับรถยนต์คันที่เกิดอุบัติเหตุดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     ซึ่งชายคนที่ขับรถที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ได้มีการแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าพวกเขาทั้ง 11 คนนั้นเป็นลูกจ้างของบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งเมื่อวันที่ 12 เดือนกุมภาพันธ์เป็นวันหยุดพวกเขาทั้ง 11 คนจึงได้นัดกันขับรถมาเที่ยวที่ภูทับเบิก   โดยมีการเข้าพักค้างคืนจำนวนหนึ่งคืน และเช้านี้ก็กำลังขับรถกลับบ้านกัน เพราะตอนบ่ายพวกเขาต้องกลับไปทำงาน 

        แต่ปรากฏว่าเมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุนั้นเป็นทางโค้งซึ่งเป็นทางโค้งซิกแซกมากลักษณะทางโค้งเป็นแบบตัว S โดยเขาขับรถมาความเร็วไม่ได้สูงมากนักแต่รถนี่สามารถเบรกได้ดังนั้นเมื่อมาถึงทางราชการทำให้รถไถลและพุ่งลงออกนอกเส้นทางจึงทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ 

         สำหรับจุดเกิดเหตุนั้นสภาพรถได้รับความเสียหายพังยับเกินอุปกรณ์ที่นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะมีการเตรียมมาไม่ว่าจะเป็นพวกเต็นท์นอนหรืออุปกรณ์การทำอาหารก็กระเด็นร่วงจากรถเต็มไปหมด ซึ่งในขณะนี้ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังมีการสอบปากคำนักท่องเที่ยวคนอื่นๆและหาข้อมูลต่างๆเพื่อหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ 

   อย่างไรก็ตามโชคดีมากที่อุบัติเหตุรถตกเขาภูทับเบิกครั้งนี้มีแต่คนเจ็บเท่านั้น ไม่มีคนเสียชีวิต ซึ่งอาจจะเกิดจากการขับรถในครั้งนี้คนขับไม่ได้ขับเร็วทำให้แรงกระแทกไม่มากนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย.  ทางเข้า gclub มือถือ

รักแม่ในทางที่ผิด  ลูกชายซื้อยาไอซ์ให้แม่เสพเพราะสงสารแม่กลัวแม่ลงแดงตาย

        ที่จังหวัดชลบุรีเมื่อวันที่ 20 เดือนมกราคมปี พ.ศ. 2564     เจ้าหน้าที่ ของสถานีตำรวจนาจอมเทียน  ได้มีการหนูไปที่บ้านเช่าหลังหนึ่งที่อยู่ในอำเภอสัตหีบและเข้าจับกุมตัว   แม่ลูกคู่หนึ่งในข้อหามียาเสพติดไว้ในครอบครอง  โดยในขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมนั้นตรวจสอบพบหลักฐานครบถ้วนทั้งยาไอซ์และอุปกรณ์การเสพ

              หลักการพูดคุยกับแม่ลูกคู่ดังกล่าวพบว่าผู้เป็นแม่นั้นมีการเสพยาเสพติดมานานถึง 34 ปีแล้วโดยเธอล่ะว่าเธอติดยาเสพติดมาตั้งแต่สมัยที่เธออายุเพียงแค่ 20 ปีเท่านั้น   และเธอยังให้สัมภาษณ์กับนักข่าวอีกด้วยว่าต่อให้เธอจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับอีกกี่ครั้งและต่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งเธอไปเลิกยาเสพติดหรือเข้ารับการบำบัดอีกกี่ครั้งก็ตามเธอยืนยันว่าเมื่อเธอออกจากคุกและออกจากสถานบำบัดแล้วเธอก็จะกลับมาเสพยาเสพติดใหม่อย่างแน่นอนซึ่งเธอจะเสพยาเสพติดจนกว่าเธอจะเสียชีวิตนั่นเอง

           ในขณะที่ลูกชายของเธอนั้นให้การยอมรับว่าตัวเขาเองนั้นก็ติดยาเสพติดเช่นเดียวกันและตัวเขาเองก็เป็นคนที่ไปหาซื้อยาเสพติดประเภทยาไอซ์มาให้แม่ของตนเองศศโดยเขาได้บอกว่าเขารู้สึกสงสารแม่ของเขามากเพราะทุกครั้งที่แม่ของเขาไม่ได้เสพยาเสพติดมีอาการลงแดงและทุรนทุรายซึ่งเขามองว่าเป็นอาการที่ทรมานเป็นอย่างมากดังนั้นด้วยความรักแม่เขาจึงได้หาซื้อยาเสพติดมาให้แม่เสร็จเป็นประจำทุกวันนั่นเอง

         อย่างไรก็ตามทางด้านลูกชายของผู้ต้องหายังระบุอีกด้วยว่าในขณะที่อยู่ในเรือนจำนั้นเขาก็คงคิดถึงแม่ของเขาเป็นอย่างมากเพราะโดยปกติแล้วพวกเขาทั้งคู่จะอยู่ด้วยกันสองคนแม่ลูกและเขาคิดว่าถ้าหากว่าพ้นโทษออกมาเขาก็จะกลับมาอยู่กับแม่และปฏิบัติแม่เหมือนเดิมส่วนเรื่องของการที่มีการซื้อยาเสพติดให้แม่เสร็จนั้นเขามองว่ามันคือการแสดงความรักต่อแม่ในรูปแบบหนึ่งของตัวเขาเอง

         อย่างไรก็ตามหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและนักข่าวได้ยินเรื่องราวดังกล่าวก็ได้มีการอบรมสั่งสอนลูกชายถึงพฤติกรรมที่มีการแสดงความรักต่อแม่เกี่ยวกับการซื้อยาเสพติดมาให้แม่เสพว่าพฤติกรรมแบบนี้ไม่ได้เป็นการรักแม่อย่างแท้จริงรักแม่จริงๆก็ควรจะต้องมีการดูแลแม่ในรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่เป็นการส่งเสริมให้แม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเพราะอย่างที่รู้กันดีว่ายาเสพติดมีผลต่อสุขภาพร่างกายและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

 

 

สนับสนุนโดย.  สมัครเอเย่นต์ ufabet

ลูกจ้างแสบขโมยของในร้านออกไปขาย อ้างเงินเดือนไม่พอใช้ เพราะต้องเลี้ยงลูกหลายคน

                เมื่อวันที่ 28 เดือนกุมภาพันธ์ปีพศ 2564   เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจพัฒนานิคมได้รับแจ้งจากเจ้าของร้านเฮียนนท์ล้อซิ่ง   ในช่วงเวลาประมาณ 9:00 น ว่าให้เข้าไปทำการจับกุมขโมย   ซึ่งขโมยทรัพย์สินภายในร้านออกไปจำหน่ายโดยทางร้านนั้นได้มีการจับตัวขโมยได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

       หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุจึงรีบไปที่ร้านเฮียนนท์ล้อซิ่งทันทีซึ่งเมื่อไปถึงนั้นก็พบว่ามีเจ้าของร้านและลูกจ้างร้านกำลังควบคุมตัวหญิงสาวคนหนึ่งอายุประมาณ 49 ปีสอบถามชื่อทำให้ทราบว่าเธอชื่อนางสาวไพร ซึ่งเธอก็คือหนึ่งในลูกจ้างที่ทำงานอยู่ในร้านเฮียนนท์ล้อซิ่งนั้นเอง

       จากการให้ข้อมูลของเจ้าของร้านทำให้ทราบว่านางสาวพรายนั้นทำงานอยู่ที่ร้านดังกล่าวได้ประมาณเพียงแค่ 4 เดือนเท่านั้นซึ่งนางสาวไพไม่ใช่คนในพื้นที่จังหวัดชลบุรีแต่เป็นคนจังหวัดตราดและมาหางานทำในพื้นที่จังหวัดชลบุรีนั่นเองโดยทางเจ้าของร้านให้ข้อมูลว่าในช่วงเช้าของวันที่เกิดเหตุนั้นเองมีลูกจ้างคนหนึ่งได้เดินไปพบอะไหล่รถยนต์ถูกซ่อนเอาไว้ในพงหญ้าด้านข้างของร้านจึงได้กลับมาเล่าให้เจ้าของร้านให้ฟัง

          หลังจากนั้นเจ้าของร้านจึงได้มีการสั่งให้เช็คสต๊อกภายในร้านจึงพบว่าสินค้าภายในร้านหายไปเป็นจำนวนมากซึ่งมีตั้งแต่เบรคผ้าใบ  รวมถึงล้อแม็กและโช้กอัพเป็นต้น  มีการคำนวณสินที่หายไปนั้นคิดเป็นมูลค่าความเสียหายมากกว่า เจ็ดหมื่น บาทเลยทีเดียว   หลังจากนั้นจึงได้ให้คนงานไปนำชิ้นส่วนอะไหล่ที่พบอยู่ตามพงหญ้าเข้ามาภายในร้าน

         และได้มีการสอบถามคนในร้านเกี่ยวกับสินค้าที่หายไปในที่สุดนางสาวไพรก็ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือขโมยสินค้าภายในร้านออกไปซุกซ่อนบริเวณรอบๆร้านเองทางเจ้าของร้านจึงได้มีการโทรตามเจ้าหน้าที่ตำรวจมาให้มาที่ร้านเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายกับนางสาวไพร

         จากการสอบสวนจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้ทราบว่าสาเหตุที่นางสาวไพร ต้องขโมยทรัพย์สินภายในร้านไปขาย  นั่นก็เพราะว่าเงินเดือนที่เธอได้รับนั้นไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตประจำวันเนื่องจากว่าเธอนั้นต้องเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัวซึ่งในครอบครัวของเธอตอนนี้เธอมีลูกยังเล็กอยู่ 4 คนด้วยกัน  

          และที่สำคัญสามีของเธอนั้นไม่สามารถทำงานได้เนื่องจากว่าในขณะนี้สามีของเธอมีสภาพกลายเป็นคนพิการดังนั้นเธอจึงเป็นเสาหลักของครอบครัวที่เป็นคนหาเงินเลี้ยงดูครอบครัวเป็นแค่คนเดียวเท่านั้นและด้วยเงินเดือนที่ได้รับปากร้านที่เธอทำงานนี้ไม่เพียงพอเธอจึงต้องหาเงินด้วยการขโมยของภายในร้านออกไปขายนั่นเอง 

         ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวนางสาวไพร ไปดำเนินคดี

 

สนับสนุนโดย    gclub ทดลองเล่น

ผู้โดยสารหัวร้อนมาช้า 30 วิเจ้าหน้าที่ไม่ให้ขึ้นเครื่องอาละวาดทำลายคอมพิวเตอร์สนามบินดอนเมืองพัง 

           มีคนแชร์ Twitter ในโลกออนไลน์ซึ่งมีการแชร์เป็นคลิปวีดีโอโดยระบุว่าได้มีการถ่ายเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 เดือนสิงหาคมปีพศ2563 โดยในคลิปมีการระบุว่าสถานที่เกิดเหตุนั้นคือที่สนามบินดอนเมืองซึ่งถ้าเปิดคลิปดูจะเห็นว่าในคลิปนั้นจะมีผู้หญิงกับผู้ชายคู่หนึ่งกำลังโวยวายเสียงดังใส่เจ้าหน้าที่ที่สนามบินเลยจะได้ยินประโยคที่ว่าพวกเขานั้นมาช้าประมาณ 30 วินาทีเท่านั้น

แต่เจ้าหน้าที่นั้นไม่ให้พวกเขาขึ้นเครื่องทำให้ทั้งชายและหญิงคู่นั้นเกิดความไม่พอใจชี้มือต่อว่าพนักงานที่สนามบินอีกทั้งยังมีการทำลายข้าวของโดยฝ่ายชายทุ่งคอมพิวเตอร์ของเจ้าหน้าที่สนามบินได้รับความเสียหายโดยในข้อความที่ถูกโพสต์ลงในทวิตเตอร์นั้นยังมีการระบุอีกด้วยว่าสามีภรรยาคู่นี้มาขึ้นเครื่องไม่ทันช้ากว่าที่กำหนด 30 วินาที

และพอเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่สามารถขึ้นได้แล้วให้ซื้อตั๋วเครื่องบินใหม่ก็เกิดความไม่พอใจโดยฝ่ายชายนั้นเป็นถึงอดีตข้าราชการตำรวจอีกทั้งยังมีการระบุเหตุการณ์ด้วยว่าเกิดช่วงเวลาประมาณ 18:00 น.  หลังจากข้อความนี้ได้หยุดแชร์ออกไปทำให้คนในโลกออนไลน์ต่างก็เข้ามาพูดถึงเหตุการณ์ครั้งนี้กันเป็นจำนวนมาก

ซึ่งนอกจากจะมีการใช้ในทวิตเตอร์กันแล้วยังถูกแชร์ส่งต่อไปยัง Facebook อีกด้วยและได้มีเพจเพจหนึ่งใน Facebook ได้มีการแชร์ให้กับลูกเพจซึ่งมีจำนวนผู้ติดตามหลายแสนคนได้เข้าไปดูทำให้ข่าวนี้ยิ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมากนั่นเอง และผู้คนส่วนใหญ่ก็เข้ามาต่อว่าชายหญิงคู่นี้ที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสมอีกทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นก็เกิดจากตัวผู้โดยสารเองไม่ได้เกิดจากเจ้าหน้าที่ของสนามบิน

ซึ่งคนส่วนใหญ่ต่างก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าเวลาที่เราจะเดินทางโดยเครื่องบินนั้นผู้โดยสารจะต้องมารอที่สนามบินเพราะเจ้าหน้าที่สนามบินจะปิดให้บริการตรงตามเวลาและไม่สามารถเผื่อเวลาให้ได้ซึ่งเหตุการณ์เกี่ยวกับเรื่องของผู้โดยสารมาช้าแล้วขึ้นเครื่องไม่ทันนั้นเกิดเหตุการณ์แบบนี้บ่อยครั้งและทุกครั้งก็จะมีการออกมาแชร์ถึงขั้นตอนการเดินทางไว้ที่สนามบินว่าควรจะเผื่อเวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง

เพื่อให้ทันเครื่องบินเพราะการเดินทางโดยเครื่องบินนั้นจะต้องเสียเวลาหลายขั้นตอนกว่าจะสามารถขึ้นเครื่องได้นั่นเองดังนั้นเหตุการณ์นี้คนในโลกออนไลน์จึงไม่มีใครที่จะเข้าข้างชายหญิงผู้ที่เป็นผู้โดยสารเลยต่างก็ออกมาพูดถึงหน้าที่การงานของฝ่ายชายได้ว่าเป็นถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจควรจะรักษากฎระเบียบของข้าราชการอย่างเคร่งครัดและยังเรียกร้องให้หน่วยงานที่ดูแลชายที่โวยวายที่สนามบินดอนเมืองในครั้งนี้ให้ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อลูกน้องของตนเองด้วย

 

สนับสนุนโดย  ufabet

ปัญหาสวัสดิการของคนที่มีรักข้ามเพศ

           มีเรื่องเล่าจากหญิงข้ามเพศคนหนึ่งซึ่งเธอนั้นได้ออกมาโพสต์ระบายความรู้สึกของตัวเองผ่านทาง facebook ส่วนตัวเนื่องจากว่าเธอกำลังจะสูญเสียสามีอันเป็นที่รักของเธอไปจากการป่วยด้วยโรคมะเร็งแต่เธอนั้นไม่สามารถที่จะช่วยเหลือสามีของเธอได้โดยเหตุการณ์ครั้งนี้เธอได้เล่าถึงปัญหาที่เกิดขึ้นของเธอว่า 

            ตัวเธอนั้นทำงานรับราชการเป็นคุณครูสอนอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งซึ่งตัวเองนั้นมีสวัสดิการของรัฐที่จะสามารถเบิกจ่ายเวลาเจ็บป่วยไม่สบายได้และสวัสดิการของเธอนั้นยังครอบคลุมไปถึงคนในครอบครัวไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่สามีหรือรูปและปัญหาของเธอก็คือเมื่อสามีของเธอนั้นได้ตรวจไปพบว่าตนเองเป็นโรคมะเร็งในระยะสุดท้ายสามารถที่จะรักษาให้หายหรือชะลอการเสียชีวิตลงได้เพียงแต่จะต้องมีการใช้ตัวยาตัวหนึ่งในการรักษาอาการซึ่งตัวยานี้จะต้องเสียค่าใช้จ่ายอยู่ที่วันละ 4,000 บาทดังนั้นถ้าเธอต้องใช้ยาตัวนี้ทุกวันเธอจะต้องจ่ายเงินทั้งหมดเดือนละ 120000 บาท

           ซึ่งแน่นอนว่าด้วยฐานะอาชีพครูอย่างเธอนั้นไม่สามารถที่จะหาเงินก้อนใหญ่ขนาดนี้มาจ่ายได้อย่างแน่นอนแต่ถ้าหากว่าเธอใช้สิทธิ์สวัสดิการรัฐในฐานะที่เธอเป็นคุณครูและเธอใช้สิทธิ์ของการช่วยเหลือสามีของตนเองก็สามารถเบิกมาเป็นค่าใช้จ่ายใต้แต่ปัญหาของคุณครูข้ามเพศคนนี้ก็คือเธอไม่สามารถจดทะเบียนกับสามีของเธอได้เนื่องจากว่าเธอและสามีนั้นเป็นคนเพศเดียวกันและนี่เป็นปัญหาใหญ่ของคนที่มีความรักข้ามเพศเพราะต่อให้พวกเขาจะแต่งงานกันแต่ว่าก็ไม่สามารถที่จะเบิกค่าใช้จ่ายมาให้กับคู่สมรสของตนเองได้นั่นเอง

       และสิ่งที่เธอเสียใจมากที่สุดในตอนนี้ก็คือเธอไม่สามารถช่วยเหลือสามีของเธอได้เลยขณะนี้อาการของสามีของเธอนั้นลดลงตามลำดับเราเพียงแค่ว่าสามีของเธอจะจากไปในช่วงเวลาไหนเท่านั้นเอง   และขณะนี้เธอรู้สึกประมาณใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก

         อย่างไรก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นเป็นปัญหาที่กลุ่มชายรักชายหรือว่าหญิงรักหญิงทุกคนจะต้องประสบปัญหาแบบนี้ด้วยกันทุกคนเนื่องจากว่าประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายที่จะเอื้ออำนวยให้ชายกับชายที่รักกันหรือผู้หญิงกับหญิงที่รักกันแต่งงานกันอย่างถูกต้องตามกฎหมายและสามารถใช้สิทธิ์ได้นั่นเอง

          และสำหรับเรื่องนี้สามารถนำไปเป็นข้อคิดให้กับหน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องของศิษย์ของข้าราชการว่าสมควรที่จะมีการแก้กฎหมายออกมาใหม่หรือไม่เพราะอย่างไรแล้วไม่ว่าจะเป็นชายรักชายหรือว่าหญิงรักหญิงพวกเขาต่างก็เป็นมนุษย์เหมือนกันและเกิดจากความรักเหมือนกันเหมือนกับที่เป็นการแต่งงานระหว่างชายหญิงนั่นเองดังนั้นกดตรงนี้ก็คงจะแบบเสมอภาค กันน่าจะเป็นการดีที่สุด

 

สนับสนุนโดย  gclub

ย้อนอดีตคดีสามีฆ่าภรรยาทิ้งศพไว้ในตู้แช่นาน 3 เดือน

        เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เกิดขึ้นที่ประเทศจีนซึ่งเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปีพศ 2558 ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวนั้นเป็นที่ฮือฮาเป็นอย่างมากโดยเรื่องราวนั้นเกิดขึ้นเมื่อชายหญิงคู่หนึ่งพบรักกันและแต่งงานกันแต่หลังจากแต่งงานกันได้ไม่นานยังไม่ถึง 1 ปีต้องพูดก็มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นปัญหาเล็กๆน้อยๆภายในครอบครัวจนนำมาซึ่งสาเหตุของการหย่าร้างกันแต่การยื่นเรื่องขอหย่าร้างกันนั้นยังไม่สิ้นสุดก็ปรากฏว่าฝ่ายชายนั้น

ตกงานทำให้เขาต้องหาวิธีการหาเงินมาใช้โดยเขาติดต่อกลับไปที่อดิตยาเพื่องอนง้อขอคืนดีกับเธอโดยอ้างกับเธอว่าเขายังคงรักเธอและไม่สามารถขาดเธอไปได้ด้วยเขายังชักชวนให้เธอเดินทางไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่ประเทศฮ่องกงโดยอ้างกับภรรยาของเขาว่าเขาได้เลื่อนตำแหน่งและต้องไปรับตำแหน่งงานใหม่ที่นั่น

ซึ่งเขาได้ให้ภรรยาของเขานั้นลาออกจากงานที่ทำแต่อย่างไรก็ตามทั้งคู่ยังไม่ได้เดินทางออกไปที่ประเทศฮ่องกงก็ปรากฏว่าฝ่ายชายได้ทำการฆ่าภรรยาของตนเองโดยให้เหตุผลว่าทั้งคู่นั้นทะเลาะกันและพลั้งมือในการฆ่าแต่หลังจากที่เขาฆ่าภรรยาของเขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เขากลับนำร่างของภรรยาของเขานั้นไปแช่ไว้ในตู้แช่เย็นหลังจากนั้นในวันเดียวกันช่วงเวลาค่ำก็ออกไปกินเลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อนของเขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเขาไม่รู้สึกเสียใจจากการที่เขาได้ ค่าภรรยาของเค้าเลยเค้ายังคงโอนเงินจากบัญชีของภรรยาของเขามาเข้าบัญชีของเค้าและนำเงินที่ได้นั้นไปท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นเที่ยวทั้งภายในประเทศและต่างประเทศอีกทั้งยังเอาเงินของภรรยาของเขานั้นไปซื้อของแจกจ่ายผู้หญิงพาผู้หญิงเข้าโรงแรม

โดยที่เค้าไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดเลย จนในที่สุดความก็มาแตกว่าเค้าได้ฆาตกรรมภรรยาของเค้าไปแล้วเพราะว่าพ่อของฝ่ายหญิง ได้พยายามติดต่อมายังพวกเขาเพื่อช่วยพวกเขานั้นไปกินเลี้ยงงานวันเกิดของพ่อซึ่งก่อนหน้านั้นไม่มีใครเอะใจเลยว่าตลอด ระยะเวลาสามเดือนนั้นลูกของเขาหญิงสาวได้เสียชีวิตไปแล้ว

เพราะว่าฝ่ายชายนั้นพยายามเข้าไปใช้งานไม่ว่าจะเป็น WeChat เพื่อให้ครอบครัวของฝ่ายหญิงรู้ว่าผู้หญิงนั้นยังคงมีชีวิตอยู่จนในที่สุดเมื่อไม่สามารถปิดบังได้อีกต่อไปเค้าจึงได้ไปยอมรับสารภาพกับ เจ้าหน้าที่ ตำรวจว่าเค้าได้ฆาตกรรมภรรยาของเค้าแล้ว อีกทั้งเค้ายังขอยื่นเรื่องอุทรเนื่องจากว่าทางศาลชั้นต้นนั้นตัดสินประหารชีวิตแต่เค้าให้เหตุผลว่าเค้าไม่ได้ตั้งใจที่จะฆ่าภรรยาแต่อย่างไรก็ตามแต่หลังจากที่เขาฆาตกรรมภรรยาในปีพ.ศ. 2559

ในท้ายที่สุดแล้วเมื่อวันที่สี่เดือนมิถุนายนปีพ.ศ. 2563 ศาลสูงสุดก็ได้ตัดสินคดีความของเค้ายืนยันว่าเค้าต้องถูกประหารชีวิตเพราะการก่อเหตุฆาตกรรมภรรยาของเขานั้นเป็นการวางแผนวางหน้าเอาไว้แล้วจากพยานหลักฐานที่มีการสืบค้นมาซึ่งปัจจุบันนี้มีการยืนยันออกมาอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้วว่าชายหนุ่มคนดังกล่าวนั้นได้เสียชีวิตจากการถูกประหารชีวิตเรียบร้อยแล้ว

 

สนับสนุนโดย  สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ