เชื้อโควิดเป็นสงครามชีวภาพ

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19ที่ทำให้คนทั้งโลกกำลังวิตกอยู่ในขณะนี้องค์การอนามัยโลกได้ออกมาบอกว่าได้ประกาสอย่างเป็นทางการแล้วว่าตอนนี้เราอยู่ในภาวะที่เชื้อตัวนี้ได้แพร่ระบาดไปทั่วโลกแล้วเชื้อโควิดเป็นสงครามชีวภาพ แล้วความเชื่อดั่งเดิมก่อนหน้านี้ว่าการแพร่ระบาดของเชื่อนี้มาจากสัตว์ไปสู่คนนั่นคือจุดเริ่มต้ม

นอกจากนี้ในขณะเดียวกันก็มีบางคนเชื่อในทฤษฎีสมคบคิดโดยมองว่านี่คือสงครามเชื้อโรคความเป็นไปได้ของทฤษฎีนี้มีมากน้อยแค่ไหนไปดูกันในโลกที่ไร้พรมแดนมนุษย์สามารถเดินทางไปมาหาสู่กันได้อย่างสบายไม่มีขีดจำกัดขณะเดียวกันก็ได้ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสจากคนสู่คน

โดยไวรัสโควิด-19ติดต่อจากคนสู่คนผ่านการใกล้ชิดกับผู้ป่วยหรือสัมผัสสิ่งของร่วมกันทำให้คนกลายเป็นภาหะตัวร้ายที่นำว่าเชื้อไปได้ทุกที่ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ไหนในโลก นับเป็นคืนวันเสาร์ที่7มีนาคม2563ตามเวลาประเทศไทยเกิดการแพร่ระบาดของเชื่อไวรัสโควิด-19แล้วใน95ประเทศและเขตปป้องครองทั่วโลกยอดของผู้ติดเชื้อ1แสนคนยอดผู้เสียชีวิตทะลุกว่า3,500คน

ในขณะที่6ประเทศอย่าง จีน เกลาหลีใต้ อิตาลี อิหร่าน ฝรั่งเศส และ เยอรมนี ถูกเชื้อไวรัสโจมตีหนักที่สุดมหันตภัยไวรัสโควิด-19ทำให้การดำเนินชีวิตของผู้คนบนโลกปั่วป่วนระยะเวลาไม่ถึง3เดือนเกิดผลกระทบเป็นวงกว้างทั่วโลกต่อระบบสาธารณะสุข เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน อุตสาหกรรม ธุรกิจ และ การท่องเที่ยวไม่เว้นแม้แต่การจัดงานอีเว้นท์และวงการกีฬาต่างก็ได้รับผลกรทบไปตามๆกัน

ซึ่งโรคระบาดที่ได้เกิดขึ้นถือได้ว่าเป็นสงครามทางชีวภาพหรือสงครามเชื้อโรคที่เป็นมหันตภัยที่น่ากลัวกว่าสงครามไหนๆที่เคยเกิดขึ้นเพราะผลกระทบได้ลามเป็นวงกว้างไปยังผู้คนทั่วโลก โดยสงครามชีวะภาพนี้รู้จัดกันน้อยที่สุดมีปัญหาในการควบคุมมากที่สุดเพราะว่าเป็นหนึ่งในอาวุธที่มีอำนาจในการทำลายร้ายแรงที่มีข้อตกลงกันน้อยที่สุด

แม้ว่าสหประชาชาติจะมีข้อตกลงไม่เผยแพร่ไม่ใช้ไม่ผลิตมาเกือบ40ปีใน3อาวุธนิวเคลียร์อาวุธชีวะภาพโดยขึ้นว่าเป็นอาวุธที่อาจจะต้องมีการเข้าไปดูกันมากขึ้น เชื้อโควิดเป็นสงครามชีวภาพ อาวุธที่มีการทำลายร้ายแรงก็หมายความว่าสามารถที่จะแพร่กระจายยไปได้อย่างรวดเร็วแล้วมีความรุนแรง

นอกจากนี้ยังได้มีการพัฒนาในเรื่องของอาวุธชีวะภาพมาพักใหญ่แล้วตั้งแต่สมัยสงคงรามโลกครั้งที่2ในหลายประเทศรวมทั้งสหรัฐอเมริกาที่ในปัจจุบันก็พูดกันมากว่าศักยภาพของหลายประเทศรวมทั้งสหรัฐอเมริกาในการพัฒนาเชื้อโรคในอดีต

 

สนับสนุนโดย    สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ

ย้อนอดีตคดีสามีฆ่าภรรยาทิ้งศพไว้ในตู้แช่นาน 3 เดือน

        เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เกิดขึ้นที่ประเทศจีนซึ่งเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ปีพศ 2558 ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวนั้นเป็นที่ฮือฮาเป็นอย่างมากโดยเรื่องราวนั้นเกิดขึ้นเมื่อชายหญิงคู่หนึ่งพบรักกันและแต่งงานกันแต่หลังจากแต่งงานกันได้ไม่นานยังไม่ถึง 1 ปีต้องพูดก็มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันเป็นปัญหาเล็กๆน้อยๆภายในครอบครัวจนนำมาซึ่งสาเหตุของการหย่าร้างกันแต่การยื่นเรื่องขอหย่าร้างกันนั้นยังไม่สิ้นสุดก็ปรากฏว่าฝ่ายชายนั้น

ตกงานทำให้เขาต้องหาวิธีการหาเงินมาใช้โดยเขาติดต่อกลับไปที่อดิตยาเพื่องอนง้อขอคืนดีกับเธอโดยอ้างกับเธอว่าเขายังคงรักเธอและไม่สามารถขาดเธอไปได้ด้วยเขายังชักชวนให้เธอเดินทางไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่ประเทศฮ่องกงโดยอ้างกับภรรยาของเขาว่าเขาได้เลื่อนตำแหน่งและต้องไปรับตำแหน่งงานใหม่ที่นั่น

ซึ่งเขาได้ให้ภรรยาของเขานั้นลาออกจากงานที่ทำแต่อย่างไรก็ตามทั้งคู่ยังไม่ได้เดินทางออกไปที่ประเทศฮ่องกงก็ปรากฏว่าฝ่ายชายได้ทำการฆ่าภรรยาของตนเองโดยให้เหตุผลว่าทั้งคู่นั้นทะเลาะกันและพลั้งมือในการฆ่าแต่หลังจากที่เขาฆ่าภรรยาของเขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เขากลับนำร่างของภรรยาของเขานั้นไปแช่ไว้ในตู้แช่เย็นหลังจากนั้นในวันเดียวกันช่วงเวลาค่ำก็ออกไปกินเลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อนของเขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเขาไม่รู้สึกเสียใจจากการที่เขาได้ ค่าภรรยาของเค้าเลยเค้ายังคงโอนเงินจากบัญชีของภรรยาของเขามาเข้าบัญชีของเค้าและนำเงินที่ได้นั้นไปท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นเที่ยวทั้งภายในประเทศและต่างประเทศอีกทั้งยังเอาเงินของภรรยาของเขานั้นไปซื้อของแจกจ่ายผู้หญิงพาผู้หญิงเข้าโรงแรม

โดยที่เค้าไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดเลย จนในที่สุดความก็มาแตกว่าเค้าได้ฆาตกรรมภรรยาของเค้าไปแล้วเพราะว่าพ่อของฝ่ายหญิง ได้พยายามติดต่อมายังพวกเขาเพื่อช่วยพวกเขานั้นไปกินเลี้ยงงานวันเกิดของพ่อซึ่งก่อนหน้านั้นไม่มีใครเอะใจเลยว่าตลอด ระยะเวลาสามเดือนนั้นลูกของเขาหญิงสาวได้เสียชีวิตไปแล้ว

เพราะว่าฝ่ายชายนั้นพยายามเข้าไปใช้งานไม่ว่าจะเป็น WeChat เพื่อให้ครอบครัวของฝ่ายหญิงรู้ว่าผู้หญิงนั้นยังคงมีชีวิตอยู่จนในที่สุดเมื่อไม่สามารถปิดบังได้อีกต่อไปเค้าจึงได้ไปยอมรับสารภาพกับ เจ้าหน้าที่ ตำรวจว่าเค้าได้ฆาตกรรมภรรยาของเค้าแล้ว อีกทั้งเค้ายังขอยื่นเรื่องอุทรเนื่องจากว่าทางศาลชั้นต้นนั้นตัดสินประหารชีวิตแต่เค้าให้เหตุผลว่าเค้าไม่ได้ตั้งใจที่จะฆ่าภรรยาแต่อย่างไรก็ตามแต่หลังจากที่เขาฆาตกรรมภรรยาในปีพ.ศ. 2559

ในท้ายที่สุดแล้วเมื่อวันที่สี่เดือนมิถุนายนปีพ.ศ. 2563 ศาลสูงสุดก็ได้ตัดสินคดีความของเค้ายืนยันว่าเค้าต้องถูกประหารชีวิตเพราะการก่อเหตุฆาตกรรมภรรยาของเขานั้นเป็นการวางแผนวางหน้าเอาไว้แล้วจากพยานหลักฐานที่มีการสืบค้นมาซึ่งปัจจุบันนี้มีการยืนยันออกมาอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้วว่าชายหนุ่มคนดังกล่าวนั้นได้เสียชีวิตจากการถูกประหารชีวิตเรียบร้อยแล้ว

 

สนับสนุนโดย  สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ

เด็กนักเรียนมัธยมปาดคอเพื่อน

        สำหรับเหตุการณ์ที่กำลังเป็นที่สนใจของคนในสังคมกันอย่างกว้างขวางนั้นคงหนีไม่พ้นเหตุการณ์ที่เด็กนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานีก่อเหตุเอาปากขวดปาดคอเพื่อนด้วยกันในโรงเรียน ซึ่งต่อมามีการสืบพบว่าโรงเรียนดังกล่าวคือโรงเรียนปทุมวิไล ซึ่งทาง ผอ. ของโรงเรียน ดร. เอกพรต สมุทธานนท์ ได้ออกมายืนยันแล้วว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงในโรงเรียนและเหตุการณ์ก็เป็นไปอย่างที่มีข่าวลงเพียง

แต่เรื่องของการทำโทษเด็กและการห้ามนำภาพไปเผยแพร่นั้นทางโรงเรียนมีเหตุผล ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางผู้ปกครองชองเด็กทั้งสองฝ่ายได้ตกลงเจรจาไกล่เกลี่ยกันเรียบร้อยแล้วและไม่ได้ติดใจอะไร ส่วนที่โรงเรียนไม่ลงโทษเด็กที่ทำความผิดก็เพราะว่า เด็กคนนี้มีประวัติรักษาอาการทางจิตมาตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมต้นแล้ว

ซึ่งทางโรงเรียนก็ทราบ และทราบมาว่าเด็กมีการักษาตัวอยู่กับทางโรงพยาบาล คาดว่าวันเกิดเหตุเด็กอาจไม่ได้ทานยามา จึงทำให้มาก่อเหตุดังกล่าว แต่ก่อนหน้านั้นเด็กคนนี้ก็ไม่ได้เคยทำร้ายใครมาก่อนและคุณครูที่โรงเรียนจะมีการดูแลอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ

ซึ่งในขณะนี้เด็กที่ก่อเหตุอยู่ในความดูแลของแพทย์ ทางโรงเรียนไม่ได้สั่งพักการเรียนแต่เป็นการหยุดเพื่อไปรักษาอาการและจะกลับมาเรียนได้เมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับการอนุญาตของแพทย์เจ้าของไข้ ส่วนเรื่องที่บอกกับเด็กไม่ให้ถ่ายรูปแล้วเอาไปโพสต์นั้นเนื่องจากทางโรงเรียนเห็นว่าเด็กทั้งสองคนยังเป็นเยาวชน  ไม่อยากให้มีผลกระทบกับตัวเด็กทั้งสองคนในภายหลังจึงได้ห้ามไป 

       จากการติดตามข่าวที่มีการออกมาบอกกันว่าเด็กที่ปาดคอเพื่อนนั้นมีอาการทางจิตแล้วไม่ได้กินยาจึงมาก่อเหตุดังกล่าว ในโลกออนไลน์ เด็กนักเรียนหลายคนที่อยู่ในโรงเรียนนั้น และเคยโดนผู้ก่อเหตุมาจีบแล้วพอไม่เล่นด้วยก็ด่าและข่มขู่ทำให้เด็กรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยกับการมาเรียนหนังสือหากเด็กที่ก่อเหตุยังคงเรียนหนังสืออยู่ที่นี่

ซึ่งตามความคิดเราในฐานะที่เป็นผู้ปกครองของนักเรียนคนหนึ่ง เราเข้าใจหัวอกของคนที่เป็นพ่อแม่ของเด็กที่ก่อเหตุนะคะว่าอยากให้ลูกเรียนหนังสือไม่อยากให้ย้ายไปที่ไหนเพราะตอนนี้อยู่ชั้น ม. 6 แล้ว อีกแค่ไม่กี่เดือนก็เรียนจบ หากถูกทำโทษเด็กจะเสียอนาคตได้ แต่ถ้าเราอยู่ในฐานะผู้ปกครองของเด็กคนอื่น

เราก็ไม่อยากให้เด็กที่ก่อเหตุยังอยู่ในโรงเรียนนี้ต่อไป ถึงแม้จะออกมาบอกว่าจะพาเข้ารับการรักษาอาการทางจิต แต่ถ้าหากเด็กไม่ยอมกินยาเหตุการณ์แบบนี้ก็อาจจะเกิดขึ้นอีกได้ แล้วใครจะมารับประกันความปลอดภัยให้กับลูกของเรา ดังนั้นเราอยากให้เด็กรักษาอาการทางจิตให้หายขาดก่อนแล้วค่อยกลับมาเรียนใหม่ดีกว่า

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ