ดราม่า ชายแก่ชาวสิงคโปร์ อ้างเพื่อนบ้านรุมแกล้งจนต้องย้ายออก

            เว็บไซต์เอเชียวันได้มีการเปิดเผยเรื่องราวของชายสิงคโปร์รายหนึ่งที่ชื่อว่า นายหวง ซึ่งชายรายนี้มีอายุ 64 ปี  เรื่องราวของนายหวงนั้นถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 21 เดือนกันยายน ปี พ.ศ. 2565  สำหรับเรื่องราวของนายหวงถูกเปิดเผยเมื่อเขาได้ให้ข้อมูลผ่านทางผู้สื่อข่าวว่าตัวเขาถูกเพื่อนบ้านช่วยกันรุมกลั่นแกล้ง

ดราม่า ชายแก่ชาวสิงคโปร์ จนทำให้เขาไม่สามารถอาศัยอยู่ในแฟลตที่เขาอาศัยอยู่ได้จนต้องมีการย้ายออกและเขาต้องเสียค่าใช้จ่ายในการย้ายบ้านสูงถึงสองหมื่นดอลลาร์สิงคโปร์เลยทีเดียว 

        อย่างไรก็ตามเมื่อมีการสืบหาต้นตอของการถูกเพื่อนบ้านกลั่นแกล้งในครั้งนี้ของนายหวง ปรากฏว่าเกิดจากการที่เพื่อนบ้านที่อยู่อาศัยห้องติดกับบ้านของนายหวงนั้นต่างก็พากันได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากว่าห้องของนายหวงติดเครื่องปรับอากาศทั้งสิ้น 9 เครื่องด้วยกันในขณะที่ขนาดพื้นที่การเช่าห้องของ นายหวง นั้นมีการเช่าไว้ 4 ห้องติดต่อกันและที่สำคัญ นายหวง ได้มีการเปิดแอร์ โดยปรับอุณหภูมิเอาไว้ที่ 18 องศาเซลเซียส 

          เนื่องจากว่ามีการเปิดแอร์ที่อุณหภูมิต่ำมากและแอร์มีจำนวนหลายตัวส่งผลทำให้ห้องของนายหวงเย็นมากและความเย็นยังเผื่อแผ่ไปยังห้องของเพื่อนบ้านไม่ว่าห้องที่อยู่ติดกับห้องของ นายหวง 

ซึ่งอยู่ชั้นเดียวกัน    หรือแม้แต่ห้องซึ่งอยู่ชั้นใต้ต่อจากห้องของ นายหวง ก็ตาม โดย  สล็อต ufabet เว็บตรง   เพื่อนบ้านนั้นพบปัญหาว่าผนังห้องและพื้นมีเชื้อราและมีความชื้น 

        ซึ่งก่อนหน้าที่เพื่อนบ้านจะพากันร้องเรียนเจ้าหน้าที่และสื่อนั้นได้มีการพูดคุยกับนายหวงบ้างแล้วเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น และถึงแม้ว่านายหวง จะมีการปรับอุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศให้มากขึ้นกว่าเดิมแต่ก็ยังพบปัญหาเชื้อราอยู่ดี   จนในที่สุดเพื่อนบ้านจึงได้พากันรวมตัวกันเพื่อทำการร้องเรียนและสุดท้าย นายหวง  ก็ตัดสินใจเลือกการย้ายออกจากแฟลตที่ตนเองอาศัยอยู่แล้วไปอยู่ที่แฟลตแห่งใหม่ซึ่งถือว่าเป็นแฟลตหรูอยู่ในเขต เซิงกังแทน 

        อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่า นายหวง จะตัดสินใจยุติปัญหาที่เกิดขึ้นด้วยการย้ายออกไปอยู่ที่อื่นแต่ นายหวง ก็ให้สัมภาษณ์ผ่านทางสื่อว่าเขารู้สึกว่าเพื่อนบ้านรวมหัวกันกลั่นแกล้งเขานอกจากนี้การที่เขาย้ายบ้านก็ทำให้เขาต้องเสียค่าใช้จ่ายทั้งในเรื่องของการขนย้ายข้าวของและเรื่องที่เขาย้ายออกจากห้องเช่าเก่ากะทันหันทำให้ถูกริบเงินค่ามัดจำนอกจากนี้เขายังต้องเสียเงินเพื่อติดตั้งเครื่องปรับอากาศที่ห้องเช่าแห่งใหม่ซึ่งโดยรวมแล้วค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นนั้นเราราวๆ สองหมื่นดอลลาร์สิงคโปร์เลยทีเดียว 

คนญี่ปุ่นแฉ….นิสัยสุดช็อคของคนไทยที่คนญี่ปุ่นไม่ทำ 

นิสัยสุดช็อคของคนไทย เรื่องราวของประเพณีและวัฒนธรรมของแต่ละประเทศนั้นมีความแตกต่างกันออกไปซึ่งได้มีชาวญี่ปุ่นรายหนึ่งได้ออกมาเปิดเผยเล่าเรื่องราววัฒนธรรมของคนไทย

ที่ตัวเขาเองนั้นได้เจอมาหลังจากที่อาศัยอยู่ร่วมกับคนไทยและชาวญี่ปุ่นรายนี้ก็รู้สึกช็อกมากกับนิสัยของคนไทยและเชื่อว่าไม่มีชาติไหนหรือคนประเทศไหนทำอย่างที่คนไทยทำอย่างแน่นอนซึ่งเรื่องราวดังกล่าวนั้นชาวญี่ปุ่นได้นำมาเผยแพร่ใน โลกออนไลน์โดยที่ออกมาพูดถึงความแตกต่างของวัฒนธรรมและภาษาแต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ 

อย่างไรก็ตามพฤติกรรมหรือวัฒนธรรมคนไทยที่ชาวญี่ปุ่นรายนี้ได้ออกมาเปิดเผยว่าตนเองนั้นไม่เคยเจอใครทำแบบนี้มาก่อนนอกจากกับคนไทยเท่านั้นและเชื่อว่าพฤติกรรมแบบนี้เป็นพฤติกรรมที่คนไทยทำกันเป็นปกติและไม่เห็นถึงความผิดปกติแต่สำหรับชาวญี่ปุ่นแล้วเมื่อเห็นครั้งแรกก็รู้สึกเหวอเป็นอย่างมากเลยทีเดียว 

สำหรับพฤติกรรมดังกล่าวนั้นชาวญี่ปุ่นรายนี้ได้มีการเปิดเผยลงในทวิตเตอร์ส่วนตัวและถูกแชร์ไปเป็นอย่างมาก

โดยระบุว่าเป็นวัฒนธรรมของคนไทยที่สุดช็อคเป็นอย่างมากซึ่งชาวญี่ปุ่นรายนี้ระบุว่าเขาได้อาศัยอยู่กับเพื่อนชาวไทยและพบว่าเพื่อนชาวไทยมักจะมีการผ่าลูกมะนาวออกเป็นครึ่งซีกหรือแม้แต่ผ่าผลไม้ชนิดอื่นๆเป็นครึ่งซีกอย่างเช่นมะม่วงเมื่อกินไม่หมดก็นำซีกที่เหลือไปเก็บไว้ในตู้เย็นแต่คนไทยจะไม่เก็บใส่ในกล่องถนอมอาหารหรือแม้แต่ห่อพลาสติก

แต่จะวางไว้ภายในตู้เย็นแบบเปลือยๆเลยซึ่งแตกต่างจากวัฒนธรรมของคนญี่ปุ่นที่มักจะต้องนำใส่กล่องหรือห่อพลาสติกก่อนที่จะเอาใส่ตู้เย็นเนื่องจากว่าชาวญี่ปุ่นนั้นมองว่าหากมีการผ่าซีกผลไม้เมื่อกินไม่หมดควรจะใส่กล่องหรือพลาสติกเพื่อความสะอาดของอาหาร 

สำหรับเรื่องการดังกล่าวถูกเผยแพร่ลงในโลกออนไลน์เมื่อวันที่ 2 มิถุนายนปีพ.ศ 2566 ซึ่งหลังจากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปก็มีทั้งคนไทยและคนญี่ปุ่นออกมาแสดงความคิดเห็นกันเป็นอย่างมากซึ่งคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ที่เคยอาศัยอยู่กับคนไทยก็ออกมาระบุเพิ่มเติมด้วยว่าพบเห็นพฤติกรรมนี้ของเพื่อนชาวไทยเป็นประจำจนในขณะนี้ตนเองถึงแม้ว่าจะเป็นชาวญี่ปุ่นแต่ก็ติดนิสัยตามแบบคนไทยไปแล้ว และคิดได้ว่าไม่ได้เสียหายอะไร  ในขณะเดียวกันที่คนไทยเองก็เอามาพูดถึงพฤติกรรมดังกล่าวว่านี่เป็นพฤติกรรมของคนไทยอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตามหลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวถูกเผยแพร่ไปในโลกออนไลน์เป็นจำนวนมากก็ทำให้เจ้าของโพสต์ทวิตเตอร์ดังกล่าวนั้นถึงกับต้องล็อคคอมพิวเตอร์ของตนเองเลยทีเดียว

 

ได้รับการสนับสนุนโดย    สล็อต ufabet เว็บตรง

ญาติบ่าว-สาวต่อยกันกลางงานแต่ง เหตุเพราะแต่งช้ามาบ่าย แถมสินสอดยังไม่ครบ 

ญาติบ่าว-สาวต่อยกันกลางงานแต่ง ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์คลิปเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้นในงานแต่งงานงานหนึ่งซึ่งถูกระบุว่างานแต่งงานดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นที่จังหวัดเลย

โดยคนที่นำคลิปดังกล่าวมาโพสต์นั้นระบุว่าตนเองเป็นญาติฝ่ายเจ้าสาว  ซึ่งหญิงสาวที่นำคลิปดังกล่าวมาโพสต์ได้มีการเขียนเล่าเหตุการณ์ในคลิปให้ทราบว่าเป็นการจัดงานแต่งงานเมื่อวันที่ 6 เดือนพฤษภาคม ปีพ.ศ. 2565 ซึ่งก่อนที่จะมีการจัดงานแต่งงานก็ได้มีการตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ว่าจะมีการจัดงานแต่งงานกันในช่วงเวลา 07:30 น. ของวันที่ 6 เดือนพฤษภาคมโดยเจ้าบ่าวจะต้องมาถึงงานในช่วงเช้าและมาทำพิธีมีการเรียกสินสอดทองหมั้นอยู่ที่ 99,999 บาทและทองอีกจำนวน 2 บาท 

           อย่างไรก็ตามทางฝ่ายเจ้าสาวเป็นฝ่ายรับเรื่องที่จะมีการเตรียมงานแต่งงานซึ่งมีการลงทุนจ้างเครื่องเสียงจัดโต๊ะจีนและจัดดอกไม้ภายในงานหมดเงินไปแสนกว่าบาทเมื่อถึงวันงานปรากฏว่ารอเจ้าบ่าวตั้งแต่เช้าไม่มีแม้แต่เงาเจ้าบ่าวระยะทางฝั่งเจ้าบ่าวเดินทางมาถึงกันอีกทีหนึ่งก็เป็นช่วงระยะเวลาเกือบบ่ายแล้ว  

        อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าฝ่ายเจ้าบ่าวจะมาสายแต่พิธีก็ยังคงมีอยู่มีการ กั้นประตูเงินประตูทองปรากฏว่าฝ่ายเจ้าบ่าว

มีการให้ซองแต่เมื่อเปิดดูก็ไม่มีธนบัตรอยู่ข้างในซอง  นอกจากนี้ติดต่อที่มีการนำมาให้ในวันงานก็ไม่ตรงตามที่คุยกันเอาไว้เพราะทางฝ่ายเจ้าบ่าวนำเงินสินสอดมาเพียงแค่ 10,000 บาทเท่านั้นแถมไม่มีทองคํา 2 บาทตามที่ตกลงกันอีกด้วย  ซึ่งพี่เองที่สร้างความไม่พอใจให้กับทางฝ่ายเจ้าสาวเป็นอย่างมากทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทการเกิดขึ้นระหว่างญาติฝ่ายเจ้าบ่าวและฝ่ายเจ้าสาว

        ทางด้านเจ้าของโพสต์ยังระบุด้วยว่าหลังจากที่ทะเลาะกันโวยวายเสียงดังปรากฏว่าฝ่ายเจ้าบ่าวไม่พอใจได้มีการกระโดดถีบลงของเจ้าสาว หลังจากนั้นก็เริ่มตะลุมบอนการเกิดขึ้นพระญาติทางฝ่ายเจ้าบ่าวกับญาติทางฝ่ายเจ้าสาวก็เรื่องชกต่อยกันดังที่ปรากฏในคลิปที่มีการนำมาพบซึ่งสุดท้ายแล้วทั้งครอบครัวของฝ่ายเจ้าบ่าวยืนยันว่าทางตนเองนั้นไม่ผิดและไม่ได้รับรู้ด้วยว่าจะต้องเดินทางมางานแต่งงานภายในวันนี้เป็นการแต่งงานแบบฉุกละหุกจึงหาเงินไม่ทัน 

        ซึ่งเจ้าของโพสต์ก็มีการสรุปให้ฟังว่าสุดท้ายแล้วงานแต่งงานก็ไม่สามารถที่จะจับต่อไปได้ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปซึ่งเรื่องนี้ทางฝ่ายเจ้าสาวเองจะมีการไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเพื่อเอาผิดทางฝ่ายเจ้าบ่าวเนื่องจากว่าทำให้เสียทรัพย์เสียหน้าเสียเวลาและยังต้องการให้ฝ่ายเจ้าบ่าวมารับผิดชอบเรื่องเงินของค่าจัดงานที่หมดไปกว่าแสนบาทอีกด้วย 

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย.    สล็อต ufabet เว็บตรง

นักโทษติด covid-19  ตายหนังเหนียว ร่างเผาไม่ไหม้ 

นักโทษติด covid-19 เมื่อวันที่ 8 เดือนเมษายนปีพศ. 2565 มีข่าวว่ามีนักโทษชายคนหนึ่งเสียชีวิตในขณะที่อยู่ในเรือนจำโดยสาเหตุของการเสียชีวิตนั้นเป็นการติดเชื้อไวรัสโควิช

หลังจากที่นักโทษเสียชีวิตก็ได้นำร่างมาประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดโดยมีการนำไปเผาที่วัดบุญบาลประดิษฐ์จังหวัดขอนแก่น   อย่างไรก็ตามมีข่าวลือว่าศพของชายที่ติดเชื้อไวรัสโควิช- ตายนั้นปรากฏว่าไม่สามารถเผาให้ไม่ได้  ทางด้านผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อไปสอบถามแม่ของผู้เสียชีวิตถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

          จากการให้ข้อมูลของแม่ผู้เสียชีวิตระบุว่าผู้ตายนั้นเคยสักยันต์เสือเผ่นและยันต์เก้ายอดซึ่งเคยสักตั้งแต่เมื่อประมาณ 20 ปีกว่ามาแล้วโดยเป็นการสักยันต์ตั้งแต่ช่วงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งมีพระครูอาจารย์ท่านหนึ่งเป็นคนสักยันต์ให้โดยเพื่อนของลูกชายก็สักยันต์นี้เช่นเดียวกันเป็นการสักยันต์รุ่นสุดท้าย  อย่างไรก็ตามสาเหตุของการที่ศพของลูกชายจุดไฟเผาแล้วไม่ไหม้สาเหตุน่าจะมาจากการสักยันต์เสือแผ่นและยันต์เก้ายอดนี้อย่างแน่นอนเนื่องจากว่าสมัยพ่อของผู้ตายเองก็มีปัญหาเช่นเดียวกันต้องให้คนมีวิชาอาคมมาทำพิธีถอนอาคมจึงสามารถเผาศพได้

          สำหรับเรื่องนี้ทางด้านพระครูของวัดบุญบาลประดิษฐ์ก็ได้ให้ข้อมูลว่าได้มีการนำศพของผู้เสียชีวิตมาเผาศพด้วยการเผาครั้งแรกนั้นปรากฏว่าโลงศพไม่แต่ศพนั้นยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ซึ่งทางวัดนั้นต้องจุดไฟเผาถึง 3 รอบแบบข้ามวันข้ามคืนจึงสามารถเผาศพนักโทษชายคนดังกล่าวได้โดยศพพึ่งมาไม่แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ในช่วงเช้าของวันที่ 9 เดือนเมษายน ปีพ.ศ. 2565 ซึ่งแม้แต่สัปเหร่อและพระวัดบุญบาลประดิษฐ์เองก็เชื่อว่าสาเหตุที่ทำให้ไม่สามารถเผาร่างของผู้เสียชีวิตได้นั้นน่าจะมาจากที่มีการสักยันต์ลงอาคมเอาไว้ที่ตัวนั้นเอง  

           สำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องของการสักยันต์แล้วส่งผลทำให้ร่างกายไม่สามารถมีอาวุธอะไรทำลายได้อย่างเช่นที่เราเคยได้ยินกันว่าเมื่อสักยันต์ป้องกันอาคมเรียบร้อยแล้วมีดหรือปืนก็ยิงและแทงไม่เข้ามีให้เห็นหน้าตั้งแต่ในสมัยโบราณปัจจุบันยังมีคนหลงเชื่อเกี่ยวกับเรื่องของการสักยันต์และลงอาคมอยู่แต่เมื่อมีการทดสอบดูก็พบว่าปืนสามารถยิงให้ตายได้มีดสามารถแทงให้ได้รับบาดเจ็บได้      

         อย่างไรก็ตามได้มีชายคนหนึ่งซึ่งระบุว่าเป็นเพื่อนของผู้ตายและเป็นคนที่ร่วมสักยันมาพร้อมกับผู้ตายระบุว่าพระที่ทำการสักยันต์และลงอาคมให้นั้นปัจจุบันได้เสียชีวิตไปแล้ว 

 

สนับสนุนโดย   สล็อต ufabet เว็บตรง

หนุ่มหึงโหดใช้คัตเตอร์กรีด สังหารแม่ค้าออนไลน์ก่อนขับรถหนีหาย 

      เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. ปลวกแดงของจังหวัดระยองได้รับแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตจากการถูกฆาตกรรมภายในบ้านพักโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 เดือนกุมภาพันธ์ปี พ.ศ. 2565 ด้วยหมู่บ้านดังกล่าวนั้นชื่อว่าหมู่บ้านประทานพร 15 ซึ่งลักษณะของศพนั้นถูกคัตเตอร์กรีดที่บริเวณลำคอจนเสียชีวิตโดยผู้เสียชีวิตนั้นเป็นผู้หญิงชื่อว่านางสาวมะลิวัลย์ 

      เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงบ้านหลังที่เกิดเหตุก็พบว่าผู้เสียชีวิตยังคงนอนจมกองเลือดอยู่ในขณะที่ข้างศพของผู้เสียชีวิตนั้นมีกระดาษเขียนเอาไว้โดยใจความเป็นการขอโทษจากฆาตกรที่ฆาตกรรมนางสาวมะลิวัลย์  หนุ่มหึงโหดใช้คัตเตอร์กรีด   ซึ่งฆาตกรที่ฆาตกรรมนางสาวนารีวันนั้นเชื่อว่าน่าจะเป็นแฟนหนุ่มของนางสาวมะลิวัลย์เอง 

         จากการให้ข้อมูลของน้องสาวของนางสาวมะลิวัลย์ให้ข้อมูลว่าพี่สาวของเธอนั้นเป็นแม่ค้าขายของออนไลน์แล้วพี่สาวของเธอนะมีแฟนอยู่ 1 คนชื่อว่านายนิ่มนวลซึ่งทั้งคู่คบหาดูใจกันและอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างไรก็ตามมาในระยะหลังๆนี้พี่สาวของเธอพยายามที่จะเลิกรากับแฟนหนุ่มโดยการตีตัวออกห่างแต่ฝ่ายชายนั้นไม่ยอมเลิกและยังคงหึงหวงซึ่งทำให้น้องสาวของนางสาวณมะลิวัลย์ผู้เสียชีวิตเชื่อว่าแฟนของพี่สาวน่าจะก่อเหตุฆาตกรรมในครั้งนี้เพราะเกิดจากการหึงหวงนั่นเอง 

        อย่างไรก็ตามเมื่อเจ้าหน้าที่ได้ทราบข้อมูลผู้ต้องสงสัยแล้วจึงพยายามค้นหาติดตามผู้ต้องสงสัยเพื่อมาสอบปากคำแต่ปรากฏว่ามีรายงานเข้ามาว่าผู้ต้องสงสัยได้มีการขับรถกระบะออกไปจากภายในหมู่บ้านต่อมาก็พบว่ารถกระบะที่ผู้ต้องสงสัยขับออกไปนั้นไปจอดทิ้งเอาไว้อยู่ตรงบริเวณริมอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมั่นใจว่าผู้ต้องสงสัยน่าจะเกิดจากความสำนึกผิดและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและคาดว่าน่าจะต้องการหนีความผิดด้วยการฆ่าตัวตาย

         อย่างไรก็ตามนี่เป็นเพียงแค่การสันนิษฐานของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้นซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ได้มีการลงพื้นที่เพื่อไปทำการตรวจสอบพื้นที่โดยรอบว่าเป็นการที่นายนิ่มนวลนำรถมาจอดทิ้งไว้แล้วหลบหนีไปยังที่อื่นหรือว่ามีการกระโดดอ่างเก็บน้ำเพื่อฆ่าตัวตายไปแล้วซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการประสานงานกู้ภัยที่เป็นนักดำน้ำให้มาช่วยดำน้ำงมหาศพซึ่งอ่างเก็บน้ำนี้มีความลึกและความใหญ่มากดังนั้นทำกู้ภัยจึงต้องใช้ระยะเวลาในการค้นหา 

   อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะหาไปเป็นระยะเวลาหลายชั่วโมงแล้วแต่ก็ยังไม่พบศพนายนิ่มนวลซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าอาจจะต้องย้อนกลับมาหาอีกครั้งในวันรุ่งขึ้นเนื่องจากว่าเจ้าหน้าที่นักประดาน้ำปฏิบัติงานต่อเนื่องนานหลายชั่วโมงและเกิดความรู้สึกเหนื่อยล้ากันแล้ว

 

สนับสนุนโดย  สล็อต ufabet เว็บตรง

นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดเพชรบุรี  ติดโควิด-19   ตายอย่างเดียวดายค่ะคอนโด  

         เมื่อวันที่ 29 เดือนพฤษภาคม  ปี พ.ศ 2564    เจ้าหน้าที่ตำรวจของสถานี  สภ. ชะอำ  ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่จังหวัดเพชรบุรีได้รับแจ้งเหตุจากชาวบ้านว่ามีผู้เสียชีวิตอยู่ภายในคอนโดแห่งหนึ่ง   ซื้อคอนโดดังกล่าวนั้นเป็นคอนโดหรูใจกลางเมืองชะอำ  หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุจึงได้เดินทางไปยังคอนโดดังกล่าวทันทีและได้มีการประสานงานกับทางด้านมูลนิธิกู้ภัยสว่างสรรเพชญเพื่อให้ไปยังจุดเกิดเหตุด้วย

       เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงก็พบกับชาวบ้านที่มามุงดูเหตุการณ์และยังมีหญิงคนหนึ่งซึ่งแสดงตนว่าเป็นเพื่อนของผู้เสียชีวิตและเป็นคนโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยทางหญิงคนดังกล่าวระบุว่าเพื่อนของเธอนั้นขาดการติดต่อกับเพื่อนๆซึ่งก่อนที่จะมีการขาดการติดต่อกันนั้นได้มีการบอกเพื่อนว่าไม่สบายหลังจากนั้นก็หายเงียบไป 2 วันเมื่อติดต่อไม่ได้พวกเธอจึงเดินทางมาหาและพบว่าเสียชีวิตแล้วนั่นเอง

          อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมพบว่าผู้ที่เสียชีวิตนั้นเป็นถึงนายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวและโรงแรมประจำจังหวัดเพชรบุรีชื่อว่านางสาวถนัดดา

ซึ่งขณะนี้มีอายุ 58 ปีโดยสภาพศพนั้นเป็นการนอนเสียชีวิตภายในห้องนอนของตนเองไม่มีร่องรอยการถูกรื้อค้นข้าวของใดๆและไม่มีร่องรอยของการถูกทำร้ายร่างกายซึ่งคาดว่าน่าจะเสียชีวิตจากการไม่สบายอย่างที่มีการแจ้งเพื่อนเอาไว้

       อย่างไรก็ตามทางด้านเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยที่ไปเก็บศพได้มีการป้องกันตนเองด้วยการสวมชุด ppe    เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิช- หลังจากที่มีการนำศพไปทำการส่งให้กับทางโรงพยาบาลชะอำเพื่อทำการตรวจสอบผลปรากฏการเสียชีวิตของนางสาวถนัดดา ในครั้งนี้ว่ามีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19  และไม่ได้มีการรักษาอาการป่วยจึงทำให้เสียชีวิตนั่นเอง   

       หลังจากทราบผลการเสียชีวิตของนางสาวถนัดดาแล้วเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบประสานงานไปยังนายอำเภอและบรรดาเพื่อนๆรวมถึงญาติพี่น้องของนางสาว ถนัดดา ให้ทราบเกี่ยวกับสาเหตุของการเสียชีวิตและในวันรุ่งขึ้นนั้นทางญาติจึงได้ตัดสินใจทำการเผาศพของนางสาวถนัดดาทันทีโดยมีคนในวงการธุรกิจการท่องเที่ยวและการโรงแรมรวมถึงในอำเภอชะอำและปลัดเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเดินทางไปร่วมงานศพในครั้งนี้ด้วย 

 สำหรับสาเหตุการติดเชื้อในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการสันนิษฐานว่าผู้เสียชีวิตนั้นอยู่ใกล้กับพื้นที่ที่เป็นพื้นที่เสี่ยงของจังหวัดเพชรบุรีดังนั้นอาจจะมีการติดเชื้อมาจากพื้นที่เสี่ยง จึงได้มีการประสานงานแจ้งกับผู้ที่ใกล้ชิดกับผู้เสียชีวิตหากมีการติดต่อหรือใกล้ชิดกันเป็นพิเศษภายในระยะเวลา 14 วันให้มีการกักตัวและตรวจสอบหาเชื้อไวรัส covid ทันที

 

สนับสนุนโดย.  สล็อต ufabet เว็บตรง