ลีน่าจังไลฟ์สดด่าคนส่งพิซซ่า

              กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากเลยทีเดียวกับการไลฟ์สดของ ลีน่าจังคนดังในประเทศไทย  ซึ่งมีการไลฟ์สดเมื่อวันที่ 11 เดือนตุลาคมปีพ. ศ. 2563   โดยในขณะที่เธอไลฟ์สดอยู่นั้นจะเห็นได้ว่าเธอกำลังด่าทอผู้ชายคนหนึ่งที่สวมใส่ชุดเด็กส่งพิซซ่าโดยระบุว่าเธอไม่พอใจที่เด็กคนดังกล่าวนั้นได้มีการโทรมาหาเธอถึง 3 ครั้งด้วยกัน

ในการถามทาง  เธอบอกกับเด็กส่งพิซซ่าว่าเธอได้มีการโทรไปแจ้งกับทางผู้จัดการเป็นที่เรียบร้อยแล้วกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและเธอไม่ต้องการยอมรับพิซซ่าที่เด็กส่งพิซซ่านำมาส่งเนื่องจากว่าเด็กส่งพิซซ่าคนดังกล่าวได้เรียกเธอว่าป้า

             ทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจและเธอยังบอกอีกด้วยว่าสถานที่ที่เธอให้มาส่งพิซซ่านั้นเป็นสถานที่ที่ใครๆก็ย่อมต้องรู้จักกันเป็นอย่างดีแต่ทำไมเด็กส่งพิซซ่าคนนี้ถึงไม่รู้จักอีกทั้งในไลฟ์สดที่เธอกำลังไล่อยู่นั้นยังแสดงให้เห็นว่าเธอไม่พอใจอย่างมากเมื่อเธอเดินไปเรียก รปภ. ให้มาขับไล่เด็กส่งพิซซ่าออกไปโดยเธอยืนยันว่าเธอจะไม่รับพิซซ่าที่สั่งมาอีกทั้งยังบอกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ว่าเด็กส่งพิซซ่านั้นพูดจาไม่ดีกับเธอและจะทำร้ายร่างกายเธอเธอจึงต้องขอร้องให้รปภมาเช็ดตัวเด็กส่งพิซซ่าออกไป

        อย่างไรก็ตามขณะที่เธอไลฟ์สดและกระทำการดังกล่าวนั้นได้มีผู้คนเข้ามาดูไลฟ์สดของเธอกันเป็นอย่างมากซึ่งเห็นว่าการที่เธอไลฟ์สดกับสิ่งที่เธอกระทำนั้นส่วนต่างกันอย่างสิ้นเชิงหลายคนรู้สึกสงสารเด็กส่งพิซซ่าคนนี้เป็นอย่างมากและไม่พอใจกับพฤติกรรมของเธอที่อะโวยวายอีกทั้งยังใส่ร้ายเด็กส่งพิซซ่าอย่างเห็นได้ชัด

      อย่างไรก็ตามแต่จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เด็กส่งพิซซ่าได้มีการออกมาขอชี้แจงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยอธิบายว่าเขาได้มีการโทรมาหาลีน่าจังจำนวน 3 ครั้งจริงเนื่องจากว่าเขาเพิ่งมาทำงานวันแรกและไม่รู้จักเส้นทางสักเท่าไหร่ดังนั้นจึงต้องมีการโทรขอข้อมูลจากทางลูกค้าถึงสถานที่ที่จะให้ส่ง และเขาไม่คิดว่าลีน่าจังจะต่อว่าเขาด้วยถ้อยคำหยาบคายแบบนี้เพราะข้อความบางข้อความนั้นด่าถึงพ่อแม่ของเขาเลยทีเดียว  ซึ่งเขายังบอกอีกว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เขาเสียความรู้สึกกับลีน่าจังเป็นอย่างมาก

          สำหรับลีน่าจังนั้นใครๆก็รู้จักกันเป็นอย่างดี และเชื่อได้ว่าคนทั้งประเทศไทยรู้จักเธอเพราะเธอนั้นมักจะออกมาไลฟ์สดด่าคนอื่นอยู่เป็นประจำและเธอเคยสมัครเป็นผู้แทนราษฎรแต่ว่าตกรอบเพราะว่าไม่มีคนเลือกเธอ

 

 

สนับสนุนโดย      ีดฟิำะ

รอดตายเพราะลูกร้อง

         เมื่อวันที่ 29 เดือนกรกฎาคมปีพศ2563 ช่วงเวลาประมาณ 3:00 น ได้เกิดเหตุไฟไหม้ที่จังหวัดชลบุรีโดยหมู่บ้านที่เกิดไฟไหม้นั้นเป็นหมู่บ้านที่สร้างเป็นแบบทาวน์เฮ้าส์ส่วนบ้านที่เกิดเหตุนั้นเป็นบ้านที่มีหญิงสาวคนหนึ่งอาศัยอยู่กับลูกน้อยของเธอวัย 1 ขวบ 4 เดือนเท่านั้นโดยในช่วงเวลาเกิดเหตุยังเป็นช่วงเวลา 3:00 น

ดังนั้นคนส่วนใหญ่จึงยังนอนหลับพักผ่อนกันอยู่รวมถึงบ้านที่เกิดเหตุด้วยเช่นเดียวกันอย่างไรก็ตามโชคยังดีมากเมื่อช่วงจังหวะที่มีเหตุเพลิงไหม้นั้นเด็กทารกวัย 1 ขวบ 4 เดือนได้ตื่นขึ้นมาและร้องงอแงทำให้แม่ของเธอต้องลุกขึ้นมาดูเพื่อจับหรอกรูปแต่กลับพบว่าบ้านของตนเองนั้นไฟกำลังลุกไหม้เธอจึงได้อุ้มลูกน้อยของเธอออกจากบ้านที่ไฟไม่ได้อย่างปลอดภัยไล่ออกจากข้างนอกได้แล้ว

เธอจึงได้โทรแจ้งรถดับเพลิงให้มาช่วยดับไฟไหม้ซึ่งต้องใช้น้ำฉีดสกัดพ่นเป็นระยะเวลานานพอสมควรกว่าไฟจะมอดเจ้าหน้าที่อาสาพยาบาลและมีการตรวจสอบร่างกายทั้งแม่และเด็กเบื้องต้นแล้วพบว่าสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี

           สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนี้ทางเจ้าของบ้านซึ่งก็คือนางสาววิได้เล่าให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่าช่วงเวลาเกิดเหตุเธอกำลังนอนหลับอยู่โดยเธอนั้นไม่รู้ตัวเลยว่าไฟนั้นกำลังลุกไหม้โชคดีว่ารูปของเธอนั้นร้องไห้งอแงในจังหวะที่ไฟไม่พอดีทำให้เพราะเธอตื่นขึ้นมาจึงได้กลิ่นควันไฟและได้เห็นว่ามีไฟไหม้เธอจึงได้รีบวิ่งอุ้มลูกออกจากห้องนอนหลังจากนั้นก็โทรตามเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ

ไปรีบมาช่วยเธอทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงได้พากันมายังจุดเกิดเหตุได้ทันซึ่งหลังจากที่มีการดับเพลิงได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุและมีการคาดการณ์เอาไว้ว่าสาเหตุของการเกิดไฟไหม้นั้นน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร

          สำหรับเรื่องของไฟฟ้าลัดวงจรนั้นมักจะเกิดเหตุเป็นประจำอยู่บ่อยครั้งซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็จะมาจากที่บ้านที่เกิดเหตุนั้นมีการใช้งานมาแล้วหลายปีและสายไฟอาจจะเกิดความชำรุดเพราะว่าใช้งานมานานดังนั้นหากบ้านไหนที่เห็นว่ามีการใช้งานสายไฟมาเกิน 5 ปีขึ้นไปก็ควรจะมีการตรวจสอบสายไฟเป็นระยะเพื่อที่จะได้มีการป้องกันการเกิดไฟไหม้

เนื่องจากไฟช็อตหรือไฟฟ้าลัดวงจรและถ้าหากเป็นไปได้ก็สามารถที่จะทำการเปลี่ยนสายไฟใหม่ทั้งหลังจะสร้างความปลอดภัยให้กับผู้อยู่อาศัยได้มากที่สุดนั่นเอง  สำหรับเหตุการณ์ในครั้งนื้ถือว่ายังโชคดีมากที่คุณแม่ตื่นมาดูลูกแล้วจึงได้เจอเหตุการณ์ไฟไหม้ ไม่เช่นนั้นแล้วอาจจะทำให้ได้รับอันตรายถึงตายได้

 

 

ขอบคุณ  ทดลองเล่นสล็อต gclub   ที่ให้การสนับสนุน

ความมุ่งมั่นในสิ่งเดียวนานๆ

ความมุ่งมั่นในสิ่งเดียวนานๆ หนึ่งในห้าสิ่งของการตามหาตัวตน

อันนี้คือขั้นตอนสุดท้ายของการหาสิ่งที่เป็นตัวตนของเราเพื่อที่จะอยู่กับมันได้นานๆ ไม่ว่าใครก็แล้วแต่นั้นที่พยายามจะหาตัวตนแล้วก็พบสิ่งที่ตัวเองถนัดมากมาย หรือ ได้เจอสิ่งที่ชอบแล้วก็ตาม แต่ก็อย่าเพิ่งได้ใจไป เมื่อเราค้นพบสิ่งนั้นแล้วจะเหลืออีกเรื่องที่เราต้องมาวัดกัน ซึ่งถ้ารู้ตัวเร็วก็ถือว่าดีแต่ถ้ารู้ตัวช้านั้นก็ช่วยไม่ได้ เพราะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยทั้งระยะเวลา

และบางทีก็ต้องเสียเงินทุนไปแล้วด้วยซ้ำ นั้นก็คือความมุ่งมั่น ความมุ่งมั่นนั้นเป็นอะไรที่เราไม่สามารถรู้ได้ล่วงหน้าสักเท่าไหร่หรอก จนกว่าจะได้ลองทำเลยล่ะ เอาเป็นว่าสมัยพ่อแม่ปู่ย่าตายายเรานั้นมักจะมีคำพูดที่ว่า นั่งจนตูดมันร้อน คงเป็นคำที่เหมาะกับขั้นตอนนี้ที่สุดแล้ว เรียนกันว่าต้องใช้ทั้งความอดทนและวินัยอย่างสูง

การที่เรามีความอดทนและวินัยจริงๆแล้วเป็นรากฐานของทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำเลยก็ว่าได้ แต่ว่าการที่คนที่มีสิ่งนี้แล้วเมื่อได้ลองทำอะไรก็แล้วแต่ จะเป็นตัวที่สามารถวัดได้ว่าเรานั้นชื่นชอบสิ่งที่ทำอยู่ขนาดไหน การที่เราทำอะไรนานๆได้ไม่ว่าจะเหนื่อยหรือท้อขนาดไหน นั้นก็เป็นตัววัดได้แล้วว่าสิ่งที่เราทำอยู่นั้นเราชอบจริงๆ แล้วก็ไม่มีอะไรพลากมันไปจากคุณได้แน่นอน

เพราะฉนั้นก่อนอื่นมาฝึกวินัยกันก่อนแล้วค่อยมาว่ากันด้วยเรื่องความชอบ เมื่อเราทำอะไรกับสิ่งนั้นต่อให้มีทั้งทักษะและความชอบ แต่ถ้ามาถึงจุดนึงแล้วรู้สึกว่าไม่อยากใช้เวลากับมัน หมดความอดทนในการพัฒนาตัวเองกับสิ่งนั้น ก็หมายความว่าหมดไฟในงานนั้นแล้ว

จะทนทำต่อไปก็จะกลายเป็นการสร้างทุกข์ให้กับตัวเองเท่านั้น แล้วก็ไม่ต้องพูดถึงคนที่ไม่มีความอดทนหรือวินัยตั้งแต่แรกเลย ก็อย่าได้ไปลงทุนลงแรงให้เสียเวลาและเงินทอง บางทีเงินทองก็ไม่มีพอที่จะเอาไปเริ่มอะไรใหม่ๆได้

 

 

สนับสนุนโดย  ufabet

ผู้อำนวยการโรงเรียนยืนยันคิดต่างได้

ผู้อำนวยการโรงเรียนยืนยันคิดต่างได้ไม่ได้ออกแน่นอนกรณีเด็ก 14 ชู 3 นิ้วกลางพิธีถวายพระพร 

      สำหรับกรณีที่มีข่าวเกี่ยวกับโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราชซึ่งมีการจัดพิธีถวายบังคมเนื่องในโอกาสวัน ปิยมหาราชซึ่งนักเรียนรวมถึงคณะครูอาจารย์ทุกคนในโรงเรียนได้จัดพิธีถวายพระพรโดยขนาดนั้นมีการจัดตรงบริเวณลานหน้าโรงเรียนซึ่งอยู่บริเวณหน้าเสาธงนักเรียนทุกคนมาคุกเข่ากำลังถวายบังคมแต่อยู่ๆก็มีเด็กนักเรียนชายคนหนึ่งอายุ 14 ปีได้ยืนขึ้นพร้อมกับชู 3 นิ้วซึ่งเป็นการแสดงสัญลักษณ์ของกลุ่มผู้ประท้วงของคณะราษฎร

        หลังจากที่มีภาพนี้หลุดออกมาในโลกออนไลน์ได้มีกระแสข่าวหายข่าวยืนยันออกมาว่าทางด้านโรงเรียนที่เด็กชายสังกัดนั้นได้มีการไล่เด็กนักเรียนชายคนดังกล่าวออกเนื่องจากมีความคิดเห็นต่างทางการเมือง   อย่างไรก็ตามแต่เมื่อวันที่ 24 เดือนตุลาคมปีพศ2563 ทางด้านผู้อำนวยการของโรงเรียนดังกล่าวได้ออกมาพูดถึงประเด็นนี้ว่าทางโรงเรียนไม่มีนโยบายที่จะขับไล่เด็กนักเรียนชาย

คนนั้นออกจากสถาบันการศึกษาแต่อย่างใดยังคงให้เด็กนักเรียนเข้าเรียนได้ตามปกติเพราะสถาบันการศึกษายอมรับความเห็นต่างของเด็กนักเรียนได้เพียงแต่ว่าคงจะต้องมีการเรียกตัวมาอบรมสั่งสอนการเกี่ยวกับเรื่องของการประพฤติในช่วงเวลาที่เหมาะสมหรือไม่ในการที่จะแสดงสัญลักษณ์ดังกล่าว 

         แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าจะมีกระแสข่าวมาว่าโรงเรียนพยายามสร้างแรงกดดันให้เด็กนักเรียนนั้นให้มาลาออกแต่ทางด้านผู้อำนวยการโรงเรียน คือนายภักดี  เหมธานนท์  ยืนยันเป็นหนักแน่นว่าโรงเรียนเบญจมราชูทิศนครศรีธรรมราช   ไม่มีการบีบบังคับให้เด็กมาออกอย่างแน่นอน  โดยในวันดังกล่าวนั้นนักเรียนทุกคนยังทำพิธีการตามปกติและเมื่อเสร็จพิธีการแล้วทุกคนก็เดินทางกลับบ้านไม่มีใครเรียกตัวเด็กนักเรียนชายคนดังกล่าวมาพูดคุยหรือมาต่อว่าซึ่งถ้าหากไม่เชื่อก็สามารถที่จะทำการตรวจสอบหรือว่าสอบถามตัวเด็กเองได้ 

             โดยทางด้านนายภักดี  เหมทานนท์ยังพูดถึงเรื่องของการเห็นต่างด้วยว่าโรงเรียนสนับสนุนความคิดเห็นที่เด็กนักเรียนกล้าที่จะแสดงออกแต่อย่างไรแล้วการแสดงออกนั้นเพราะต้องดูกาละเทศะดูความเหมาะสมด้วยว่าอยู่ในสถานการณ์ไหน 

ซึ่งหลังจากนี้เองทางโรงเรียนอาจจะต้องมีการสอนเกี่ยวกับเรื่องของความเหมาะสมให้กับเด็กนักเรียนเพื่อเด็กนักเรียนนั้นจะสามารถแสดงความคิดเห็นได้ตามสถานการณ์ที่เหมาะสมอีกทั้งในโรงเรียนทุกคนก็ยังเห็นว่าเด็กชายวัย 14 ปีซึ่งกำลังมีกระแสที่โด่งดังอยู่ในขณะนี้ยังคงเป็นนักเรียนของทางโรงเรียนอยู่

       ส่วนเรื่องของผู้ปกครองของเด็กที่จะพาเด็กมาลาออกจากทางโรงเรียนนั้นยังไม่มีข้อมูล การติดต่อมาแต่อย่างใด

เบื้องต้นจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่าอ่านนะครอบครัวของเด็กชายคนดังกล่าวนั้นอยู่ในฐานะที่ค่อนข้างดีเพราะมีมารดาเป็นถึงพยาบาลส่วนบิดานั้นก็เป็นเจ้าของธุรกิจ

 

สนับสนุนโดย  ufabet เว็บแม่

แจงข่าวว่ามีลูกแล้ว จ๊ะ อาร์สยาม

เรานั้นคิดว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จัก จ๊ะ อารสยามเพราะว่าเธอนั้นมีความแซบ เซ็กซี่อยู่ในตัว และเธอนั้นก็มีชื่อเสียงจากการที่เป็นตัวของเองในเวทีนั้นเธอนั้นอาจจะดูว่าเป็นคนที่แรงแต่ว่าเรื่องของความเป็นจริงถ้าใครนั้นได้รู้จักเธอนั้นจะเห็นเธอในอีกแง่มุมหนึ่งเพราะว่านั่นคือการแสดง  สิ่งที่เรารักนั่นเอง  และด้วยเธอนั้นมีความที่เก่งและเธอก็ได้เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ต่างนั้นจนเธอได้ประสบความสำเร็จ ที่เรานั้นรู้กันนั่นเอง 

     เมื่อได้มีรายการหนึ่งรายการที่เข้าไปทำอัดรายการที่บ้านของเธอที่เธอนั้นได้พึ่งซื้อเอาไว้นั่นเองเป็นหลังที่สามแล้ว เพราะว่าหลังจากที่เธอนั้นได้ทำงานจนมาอยู่จุดตรงนี้เป็นเรื่อที่เหนื่อยอย่างมากนั่นเองเพราะว่าเธอนั้นต้องเจอกับคำว่าคำดูถูกเกี่ยวกับการที่เธอนั้นเป็น

เพราะว่าส่วนตัวเธอเป็นบ้านนอกที่เริ่มจากการร้องเพลงตามเวทีเป็นแดนเซอร์ที่ทำให้เธอนั้นเริ่มที่จะมีทุกอย่างเป็นจุดเริ่มต้นนั่นเอง  แต่ว่าด้วยเรื่องที่เธอนั้นมีข่าวที่มีวงในนั้นได้ข่าวออกมาว่ามีนักร้องที่เต้นได้อย่างแซบนั้นแอบมีลูกแล้วนั้นเป็นเรื่องที่จริงหรือไม่นั้นวันนี้เรานั้นจะไปถามเธอกันว่าเรื่องนั้นเป็นมาอย่างไรกัน  

     มีข่าวว่าจ๊ะอาร์สยามนั้นมีลูกแล้วจริงหรือไม่ ซึ่งวันนี้นั้นเราเจอตัว จ๊ะอาร์สยามนั้นได้เข้ามาบอกและตอบกับเราว่าเป็นเรื่องที่ไม่จริงเพราะว่าเรานั้นไม่ได้มีลูก  และเรื่องที่เห็นว่าเรานั้นไปไหนมาไหนกับเด็กนั้นเป็นเรื่องจริงเพราะว่าเรานั้นได้รับเด็กคนหนึ่งเข้ามาเป็นลูกแต่ว่าไม่ใช่ลูกเพราะว่าเป็นหลานของแม่บ้านนั่นเอง

ตอนแรกนั้นเรานั้นก็อยากที่จะรับเป็นลูกแต่ว่าเรานั้นกลัวว่าเมื่อเขานั้นโตขึ้นจะเกิดการมีปัญหานั่นเองเรานั้นก็เลยเป็นการส่งเสียไปรับไปส่งอย่างนี้เอาดีกว่า  ส่วนน้องนั้นชื่อว่า น้องนะโม อายุ 4 ขวบ และก็มีอีกคนที่เป็นแฟนครับกับเรานั้นมา 8-9 ปี ชื่อว่าน้องบอส ที่เรานั้นจะไปไหนมาไหนนั้นด้วยกันเสมอ

และเรานั้นจะรับงานเป็นจ๊อบๆไปนั่นเอง  ส่วนในเรื่องของน้องนะโมนั้นเรานั้นเคยคิดที่จะรับเลี้ยงแบบที่เป็นลูกเลยนั้นแต่ว่าเรานั้นก็กลัวว่าจะมีปัญหาในตอนที่น้องโตนั่นเองก็เลยเอาอย่างนี้ดีกว่า เพราะว่าด้วยเรื่องส่วนตัวนั้นเป็นเรื่องที่เรานั้นคิดว่าเป็นการที่เรานั้นให้โอกาสน้องดีกว่าเพราะว่าเมื่อก่อนนั้นเรานั้นไม่เคยได้รับ แต่ว่าพอตอนนี้เรานั้นเริ่มที่จะมีทุกอย่างนั้นแล้วและเรานั้นสามารถที่จะเป็นผู้ที่ให้ได้นั้นเป็นเรื่องที่เราก็อยากที่จะให้นั่นเอง  ไม่มีอะไรเลย

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนันแทงบอล คาสิโน บาคาร่า

คนไทยหนีการกักตัวที่สุวรรณภูมิ

คนไทยหนีการกักตัวที่สุวรรณภูมิ ตรวจพบมีไข้ เจ้าหน้าที่ตามจับกลับมาได้แล้ว3คน ยังมีหนีไปได้อีกเพียบ

       จากที่มีข่าวว่าเมื่อวันที่ 3 เดือนเมษายนปีพศ. 2563 มีคนไทยที่ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศพากันเดินทางกลับมาที่ประเทศไทยเป็นจำนวน 100 กว่าคนซึ่งเมื่อเดินทางมาที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้วทางเจ้าหน้าที่มีการตรวจวัดไข้พบว่าบางคนมีไข้ขึ้นสูงแต่เมื่อทางเจ้าหน้าที่ต้องการเชิญตัวไปกักตัวตามสถานที่ทางเจ้าหน้าที่มีการกำหนดเอาไว้ ปรากฏว่ามีการปฏิเสธผู้โดยสารที่เดินทางมาจากต่างประเทศทั้งหมด

โดยทุกคนต้องการที่จะไปกับตนเองอยู่ที่บ้าน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เองภายหลังจากที่ผู้โดยสารไม่ยินยอมและออกมาโวยวายจึงได้พากันปล่อยผู้โดยสาร 100 กว่าคนให้กลับบ้านได้แต่มีการกำหนดเอาไว้ว่าจะมีการจัดส่งเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขไปติดตามผู้โดยสารทั้งร้อยกว่าคนว่ามีการกักตัวจริงตามที่มีการรับปากกับทางเจ้าหน้าที่ไว้หรือไม่หลังจากที่เรื่องนี้เป็นข่าวรู้ไปถึงหูพลเอกประยุทธ์จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี   พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชาก็ได้มีสั่งลงมาว่าให้ทางเจ้าหน้าที่ติดตาม

ผู้โดยสารที่เดินทางกลับจากต่างประเทศทั้งหมด 100 กว่าคนให้มาทำการกักตัวเป็นระยะเวลา 14 วันตามมาตรฐานที่ทางรัฐบาลมีการเตรียมการเอาไว้ให้ซึ่งมีรายงานข่าวแจ้งเข้ามาว่าจากการที่ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ติดตามไปยังบ้านของผู้โดยสารที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศกลุ่มดังกล่าวพบว่ามี 3 คนที่มีอาการเป็นไข้ขึ้นสูงจึงได้เชิญตัวทั้ง 3 คน

เข้าสู่กระบวนการการปรับตัวและยังมีนโยบายติดตามผู้โดยสารที่เหลืออีก 166 คนให้มาเข้าสู่กระบวนการการจัดตัวที่ทางรัฐบาลจัดเตรียมพื้นที่ไว้ให้อีกด้วยโดยมีการระบุไว้ชัดเจนว่าหาผู้โดยสารคนไหนปฏิเสธการที่จะมากับตัวตามที่ทางรัฐบาลเชิญจะมีการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

      สำหรับกลุ่มที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงนั้นควรจะมีการกักตัวเพื่อดูแลตนเองและคนในครอบครัวไม่ให้มีการติดเชื้อไวรัส โควิด-19 เพราะสถานการณ์ในประเทศไทยตอนนี้ยังอยู่ในสถานการณ์ที่รุนแรงสำหรับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังนั้นหากใครที่มีความเสี่ยง ก็ควรจะมีความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการกักตัวเอง แต่คนส่วนใหญ่เวลาที่รับปากจะกักตัวเอง

เมื่อปล่อยให้กักตัวกันเองก็ไม่ยอมทำตาม จึงทำให้มีการแพร่ระบาดของเชื้อโรคมากอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ดังนั้นทางรัฐบาลจึงต้องคุมเข้มเรื่องของการกักตัว 14 วันเพื่อจะต้องการให้ควบคุมเรื่องของการแพร่ระบาดของไวรัสให้ได้ ดังนั้นหวังว่าคนไทยที่เหลือ 166 คนคงจะเห็นแก่ส่วนรวมเดินทางมามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขเพื่อเข้าสู่ขบวนการการกักตัว

 

 

สนับสนุนโดย  gclub ฟรี 100

12 ศพเซ่น อาถรรถ์วัดร้าง

   มีชาวบ้านมาพบศพชายคนหนึ่งลูกค้าตัวเองเสียชีวิตอยู่ใต้ต้นไม้ภายในบริเวณวัดที่ชื่อว่าวัดกระซ้ายซึ่งวัดแห่งนี้ตั้งอยู่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาช่วยตรวจสอบข้อมูลจากศพพบว่าชื่อว่านายชาติชาย  ศรีสายหยุด  เป็นชาวจังหวัดพระจังหวัดพระนครศรีอยุธยาโดยตรง ซึ่งก่อนหน้านี้มีคนเห็นว่านายชาติชายเคยมาโวยวายภายในบริเวณวัดโดยระบุว่าจะมาเผาวัดก่อนที่จะมีคนมาพบศพว่ามีการผูกคอตาย

ชาวบ้านต่างเชื่อกันว่านายชาติชายถูกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ลงโทษที่มาพูดจาลบหลู่ในบริเวณบัสสถานที่วัดกระซ้ายแห่งนี้ เป็นวัดที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยโบราณอายุน่าจะราวๆ 563 ปีมาแล้วในวัดแห่งนี้สันนิษฐานกันว่าถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นได้ที่นี่เป็นสถานที่บรรจุพระอัฐิของพระบาทสมเด็จพระเอกาทศรถอีกด้วยจึงเรียกได้ว่าวัดแห่งนี้เป็นวัดที่มีประวัติมายาวนาน

และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างมากเป็นวัดที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยคุ้มครองอยู่หลายแห่ง โดยแห่งแรกนั้นเชื่อกันว่าเป็นที่อยู่ของหลวงปู่ วัดกระซ้าย  นั้นก็คือที่พรธาตุ  และจุดที่สองคือ ต้นตะเคียน  และอีกจุดคือ ตนคาง ซึ่งแต่ละที่ก็จะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สิ่งสถิตอาศัยอยู่ ที่วัดกระแสแห่งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคนมาผูกคอเสียชีวิตแต่มีการผูกคอเสียชีวิต

มานับไม่ถ้วนและรายล่าสุดนี้คือเป็นรายที่ 12 แล้วโดยแต่ละรายก็จะมีเรื่องราวแตกต่างกันไปแจ้งเหตุการณ์ที่ชาวบ้านเล่าลือกันนั้นก็มักจะพากันเห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์รวมถึงวิญญาณของพระสงฆ์ที่เคยเสียชีวิตไปแล้วจะมาคอยยืนมองเหมือนไม่พอใจที่เห็นคนเข้ามารุกรานภายในบริเวณวัดซึ่งที่นี่ไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดา

หรือแม้แต่พระสงฆ์ที่จะเข้ามานั่งปรากฏปฏิบัติธรรมก็ไม่สามารถที่จะเข้ามาอยู่ได้ต่างก็พากันเจอสิ่งเร้นลับจนไม่มีใครกล้าที่จะอยู่แล้วที่นี่ภายใต้อุโบสถต่างๆก็ยังมีของเก่าสมัยตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาซึ่งมีวัยรุ่นหลายคนเคยเข้ามาลองของเพื่อจะขุดเอาพระเก่าไปขายแต่ก็เจอดีเข้าไปราย

     ซึ่งครอบครัวของผู้เสียชีวิตต่างเชื่อว่าที่นายเจ้าชายไปผูกคอเสียชีวิตนั้นน่าจะเกิดจากความเครียดส่วนตัวของนายชาติชายเองเนื่องจากว่าทราบมาว่านายชาติชายมีมีปัญหากับแฟนอาจจะเป็นสาเหตุของการที่ทำให้นายชาติชายไปผูกคอจนถึงแก่ความตายก็ได้แต่หลายคนก็มองว่าเป็นเพราะนายชาติชายไปลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในบริเวณวัดจึงมีการดลใจให้นายชาติชายถูกลงโทษด้วยการแขวนคอตัวเอง

อย่างไรก็ดีที่วัดแห่งนี้จะมีนายสมหมายเป็นผู้ดูแลวัดรวมถึงจะมีทางกรมศิลปากรเดินทางมาทำความสะอาดและตรวจสอบความเสียหายของวัดเดือนละ 2 ครั้งซึ่งถือว่าวัดนี้เป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานและควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ดังนั้นประชาชนจึงไม่ควรเข้าไปทำลายหรือไปลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อาศัยอยู่ภายในบริเวณวัด 

 

 

สนับสนุนโดย  betufa

อยากขอโทษทุกคนในสังคมยืนยันไม่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อ 

ใช่ป่วยโคโรนารายแรกที่เพชรบุรีอยากขอโทษ ทุกคนในสังคมยืนยันไม่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อ 

   จากทางที่จังหวัดเพชรบุรีมีการออกมาประกาศว่าพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่ารายแรกเป็นเพศชายและตอนนี้อยู่ระหว่างพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลชะอำหลังจากนั้นชาวโซเชียลที่อยู่ในเขตพื้นที่ชะอำต่างก็ออกมาคุยประวัติการเดินทางของชายคนดังกล่าวว่าย้อนหลังไป 14 วันหลังจากที่มีการพบเชื้อนั้นใช่คนต้องการเดินทางไปที่ไหนมาบ้างเพื่อเป็นการย้อนไทม์ไลน์โดยจะได้รู้ว่าตนเองนั้นอยู่ในเครือข่ายที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงเพราะว่าไปที่เดียวกับชายคนดังกล่าวหรือไม่ เมื่อหลายคนได้เข้าไปดู Facebook ส่วนตัวของชายคนดังกล่าว ต่างก็ออกมาต่อว่าด่าทอชายผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่ากันเป็นจำนวนมาก

เนื่องจากว่าข้อมูลการเดินทางของชายคนดังกล่าวมีการไปกินอาหารที่ร้านอาหารรวมถึงมีการไปใช้บริการที่ศูนย์รถยนต์ที่หัวหินและยังไปตามสถานที่ต่างๆอีกหลายพื้นที่ซึ่งเมื่อชายหนุ่มเองได้มีการอ่านข้อความที่มีการเข้ามาสาทรใน Facebook ส่วนตัวความรู้สึกไม่สบายใจจึงไม่มีการอัดคลิปลง Facebook ของตนเองเปล่าขอโทษประชาชนที่ตัวเขาเอง

ไม่ได้มีการกักตัวเองอยู่แต่ในบริเวณบ้านทำให้คนอื่นได้รับผลกระทบจากการแพร่เชื้อระบาดของโรคไวรัสโคโรน่าในครั้งนี้ โดยเขาเองได้มีการออกมาบอกว่าตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองไปติดกับที่ไหนมันเป็นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ซึ่งเขารู้สึกว่าร่างกายของเขาปกติดีทุกอย่างไม่ได้มีอาการอะไรและไม่ได้ไปอยู่ใกล้ใครที่เป็นกลุ่มเสี่ยงของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาดังนั้นเขาจึงไม่คิดว่าตนเองจะมีการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าในครั้งนี้ซึ่งตัวเขาเองก็รู้สึกหวาดกลัวหลังจากที่รู้ว่าตัวเองมีการติดเชื้อไวรัสและเขามารู้ว่าตัวเองติดเชื้อไวรัสโคโรน่าก็ต่อเมื่อเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลก็รู้สึกไม่สบายเหมือนจะเป็นไข้วันที่ 18 เดือนมีนาคมปีพศ 2563

ซึ่งวันนั้นคุณหมอก็ยืนยันว่าตัวเขาเองป่วยเป็นไข้หวัดธรรมดาเท่านั้นอาการไม่ดีขึ้นเขาจะไปตรวจอีกครั้งหนึ่งพบว่าเขามีการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าซึ่งในการตรวจครั้งที่ 2 นี้เขาไปตรวจเมื่อวันที่ 22 เดือนมีนาคมปีพศ 2563 ซึ่งหลังจากที่เขารู้ว่าตัวเองป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาเขารู้สึกเป็นกังวลใจและตกใจกลัวมากแต่ก็บอกตัวเองว่าจะสามารถรักษาให้หายได้ถ้าตัวเองดูแลตัวเองเป็นอย่างดีและทำตามที่คุณหมอแนะนำและสั่งการทุกอย่าง

ซึ่งปัจจุบันนี้ทางคุณหมอเองก็มีการดูแลรักษาอาการของผู้ป่วยรายนี้เป็นอย่างดีพร้อมกับให้กำลังใจว่าอีกไม่กี่วันก็น่าจะออกจากโรงพยาบาลได้แล้วเพราะอาการของผู้ป่วยรายนี้ยังอยู่ในขั้นตอนปกติได้มีการติดเชื้อมากขึ้นระบบการหายใจยังเป็นปกติทุกอย่างไม่ติดเชื้อไม่มีอาการใดที่จะบ่งบอกว่าอาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้สุดท้าย

หลังจากที่มีการอธิบายเหตุผลทุกอย่างให้ประชาชนชาวโซเชียลได้ทราบชายคนดังกล่าวก็ยังมีการร้องขอกำลังใจจากประชาชนโดยบอกเหตุผลว่าตัวเขาเองในตอนนี้กำลังเป็นผู้ป่วยต้องการกำลังใจมากกว่าคำด่าทอจากคนทั่วไปและเขาขอยืนยันว่าเขาไม่รู้ตัวเองจริงๆว่าเขาป่วยไม่เช่นนั้นคงไม่เอาไปแพร่เชื้อให้กับคนอื่นตามที่อยู่ในไทม์ไลน์ที่เขาได้เดินทางไปยังจุดต่างๆก็ขอให้มีการกักตัวเองและมีการเดินทางมาตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรน่าเพื่อจะได้รีบรักษาอย่างเร่งด่วน 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  บาคาร่าอันดับ

แม่ค้าร้านยำปูม้าเครียดกลัวตำรวจแจ้งความจับ

แม่ค้าร้านยำปูม้าเครียดกลัวตำรวจแจ้งความจับหลังมีการ Like Facebook ประจานตำรวจรีดไถยำปูม้า 

   หากยังจำกันได้ข่าวนี้เป็นข่าวต่อเนื่องจากเมื่อวานที่มีแม่ค้าที่ขายยำปูม้าคนหนึ่งมีการไลฟ์ลง Facebook ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ได้เดินทางมาเพื่อขอจับกุมแรงงานต่างด้าวโดยในไลฟ์เห็นว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางมาขอตรวจสอบเอกสารแรงงานต่างด้าวซึ่งทางแม่ค้ายำปูม้าเองก็บอกว่าพนักงานของตนเองทั้งสองคนมีเอกสารยืนยันอย่างถูกต้องตามกฎหมายและสามารถตรวจสอบได้

โดยจะขอเวลาประมาณซัก 10 นาทีเพื่อเป็นเอกสารมาให้ตรวจสอบแต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ยอมรอรวมถึงยังมีการร้องขอยำปูม้าเพื่ออ้างว่าจะเอานำไปเป็นหลักฐานในการประกอบการจับกุมในครั้งนี้ทำให้แม่ค้าคนดังกล่าวไม่พอใจที่ตำรวจมารีดไถประชาชนถึงแม้จะเป็นแค่เพียงยำปูม้าแต่ก็มีค่าใช้จ่ายดังนั้นจึงได้มีการ like facebook การกระทำของตำรวจดังกล่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้

ทางต้นสังกัดของตำรวจไม่ออกมายืนยันแล้วว่าตำรวจทั้ง 2 รายนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงและเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก 191 ซึ่งมีหน้าที่เข้าไปตรวจสอบแรงงานต่างด้าวเนื่องจากได้รับรายงานมาว่าแรงงานต่างด้าวทั้งสองคนที่ทำงานอยู่กับเจ๊ร้านขายยำนั้นเป็นแรงงานต่างด้าวแบบผิดกฎหมายแต่ส่วน เรื่องที่มีการร้องเรียนมาว่าตำรวจเรียกร้องยำจำนวน 2 ถุงนั้น

ถ้าตามความจริงแล้วก็คือไม่สามารถเรียกร้องได้เพราะว่าดำ 2 ถุงไม่สามารถนำไปเป็นหลักฐานในการจับกุมแรงงานต่างด้าวได้ซึ่งตรงนี้ทางหัวหน้าของนายตำรวจทั้งสองคนจะมีการสอบสวนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไปซึ่งได้ออกมาบอกว่าจะให้ความเป็นธรรมกับเจ้ร้านขายยำ 

    ซึ่งในขณะนี้พบว่าแม่ค้าร้านขายยาเมื่อเกิดความเครียดเกรงว่าตำรวจจะมีการแจ้งความดำเนินคดีกับโทษฐานที่ไปไลค์ Facebook ประจานการทำงานของตำรวจทำให้ตอนนี้แม่ค้าร้านขายยำความดันขึ้นจนต้องเข้าไปรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลส่วนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นายที่เป็นผู้เสียหายที่อยู่ในคลิปวีดีโอดังกล่าวนั้นตอนนี้ได้มีการออกไปชี้แจงกับทางผู้บังคับบัญชาว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นประหยัดในคลิปและได้มีการไปแจ้งความที่สนห้วยขวางในการฟ้องแม่ค้าร้านขายยำในข้อหาหมิ่นประมาทตนเองด้วย

    ซึ่งหากใครเห็นคลิปวิดีโอดังกล่าวพอจะรู้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการรีดไถประชาชนอย่างแน่นอนแต่ก็ต้องมารอดูกันว่าตำรวจจะช่วยเหลือตำรวจด้วยกันเองหรือไม่ถ้าหากให้ความเป็นธรรมกับประชาชนอย่างจริงใจคลิปวีดีโอที่ถ่ายเป็นหลักฐานด้วยนั้นก็สามารถมัดตัวนายตำรวจทั้ง 2 นายได้เป็นอย่างดี 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย   เว็บคาสิโนออนไลน์อันดับ1

เล่นน้ำสงกรานต์ไม่แคร์ พ.ร.ก. ฉุกเฉินกันเลย

สงกรานต์เริ่มแล้ว วัยรุ่นเมืองร้อยเอ็ด จัดใหญ่ไฟกระพริบเล่นน้ำสงกรานต์ไม่แคร์ พ.ร.ก. ฉุกเฉินกันเลย

      กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์และเป็นกระแสร้อนแรงอย่างมากเมื่อมีการแชร์ภาพวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งที่อยู่ในเมืองร้อยเอ็ดได้มีการออกมาจัดกิจกรรมเล่นน้ำสงกรานต์กันทั้งๆที่ทางรัฐบาลเองได้มีการประกาศออกมาแล้วว่าในปีพศ 2563 นี้จะไม่มีการเล่นน้ำสงกรานต์ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ตามเพราะกลัวว่าหากมีการจัดกิจกรรมสงกรานต์เกิดขึ้นจะทำให้เชื้อไวรัสโควิด-19  มีการแพร่ระบาดมากยิ่งขึ้น

ดังนั้นทางรัฐบาลจึงได้ประกาศว่าปีนี้ไม่ให้มีการจัดกิจกรรมงานสงกรานต์ไม่ว่าจะเป็นตามท้องถนนหรือแม้แต่ในวัดก็ตามซึ่งในภาพที่มีการแชร์ใน Facebook อยู่ในขณะนี้นอกจากจะมีการกินเหล้าเล่นน้ำสงกรานต์แล้วยังมีการซิ่งรถบนท้องถนนโดยไม่กลัวความผิดแต่ไม่กลัวกฎหมายกันเลยทีเดียวเรียกได้ว่าเป็นการท้าทาย  พ.ร.ก. ฉุกเฉินมันมาก 

      แต่เหตุการณ์ที่กลุ่มวัยรุ่นได้ออกมาเล่นน้ำสงกรานต์แถมยังมีการโพสต์คลิปวีดีโอการแข่งรถกันในช่วงหลังเคอร์ฟิวซึ่งในคลิปจะเห็นว่ามีการแข่งรถกันในช่วงเวลาประมาณ 22.33 นาทีซึ่งเป็นช่วงที่รัฐบาลได้ประกาศให้ทุกคนอยู่แต่ในบ้านไม่ออกมาซึ่งถือว่ากลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวได้มีการท้าทายคำสั่งของรัฐบาลอีกทั้งการที่กลุ่มวัยรุ่นชุดนี้ได้ออกมาเล่นน้ำสงกรานต์รวมถึงซิ่งรถกันในช่วงกลางคืนหลังเคอร์ฟิวนั้นสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก

เนื่องจากว่าระหว่างที่มีการแข่งรถจะมีการส่งเสียงดังเอะอะโวยวายและท่อไอเสียของรถยนต์ก็ค่อนข้างเสียงดังเพราะเนื่องจากว่ามีการแต่งรถดังนั้นผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจึงได้มีการแอบถ่ายคลิปวีดีโอแล้วนำมาโพสต์ในโลกโซเชียลเพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทราบปัญหาและให้ติดตามตัวกลุ่มวัยรุ่นดังกล่าวไปดำเนินคดีเพราะหลายคนเกรงว่าหากยังมีการปล่อยให้กลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนี้กินเหล้าและยังรวมตัวกันเล่นน้ำสงกรานต์จะทำให้เกิดปัญหาการระบาดของเชื้อไวรัสในเขตพื้นที่ที่อยู่อาศัยได้ 

      เหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 เดือนเมษายนปีพศ 2563 ซึ่งยังไม่เป็นการเริ่มต้นสงกรานต์ดีก็มีการออกมาท้าทายกฎหมายกันมากแล้วหักในช่วงของวันสงกรานต์คงต้องรอดูกันว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องทำงานหนักมากแค่ไหนในการที่จะรับมือกลุ่มวัยรุ่นที่ต้องการที่จะเล่นน้ำสงกรานต์กันทั้งๆที่มีการประกาศห้ามออกไปแล้ว

  และถ้าหากมีการแอบเล่นน้ำสงกรานต์แล้วเกิดติดเชื้อไวรัสโคโรนากันขึ้นมาก็จะทำให้ประชาชนในประเทศไทยมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นและยังแพร่ระบาดได้มากขึ้นอีกด้วยว่าในช่วงสงกรานต์นี้ผู้คนส่วนใหญ่มักจะกินเหล้าจะทำอะไรโดยที่ไม่ได้ระมัดระวังซึ่งเสี่ยงอย่างมากที่จะติดเชื้อไวรัส

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  gclub