สามีภรรยาฆ่าตัวตายพร้อมกัน

สามีภรรยาฆ่าตัวตายพร้อมกัน สามียิงตัวตาย ส่วนภรรยาใช้มีดแทงตัวเอง

     ที่จังหวัดนครราชสีมาเกิดเหตุการณ์ที่น่าเศร้าสลดเกิดขึ้นระหว่างสามีภรรยาคู่หนึ่งซึ่งทั้งคู่ได้มีการก่อเหตุฆ่าตัวตายพร้อมกันโดยฝ่ายสามีนั้นได้ออกมายิงตัวเองตายต่อหน้าพ่อกับแม่ของตัวเอง และฝ่ายภรรยาเมื่อเห็นว่าสามีฆ่าตัวตายก็ได้นำมีดมาแทงตัวเองจนถึงแก่ความตาย เหตุการณ์ในครั้งนี้ทางนักข่าวได้ลงไปยังบ้านที่เกิดเหตุซึ่งได้พบกับพ่อแม่ของผู้ตาย ซึ่งในตอนแรกหลายคนคิดว่าสามีภรรยาคู่นี้อาจจะมีการทะเลาะแต่กันจึงก่อเหตุฆ่าตัวตายด้วยกันทั้งคู่แต่เมื่อได้มาสอบถามญาติพี่น้องรวมถึงพ่อแม่ของผู้ตาย

จึงได้ความว่าทั้งสามีภรรยาต่างก็ยินดีที่จะตายพร้อมกันทั้งคู่ ซึ่งทั้งคู่ได้มีการตกลงกันก่อนที่จะมีการการฆ่าตัวตายแล้วโดยสาเหตุน่าจะมาจากที่ฝ่ายชายเกิดความเครียดที่ถูกไล่ออกจากงานและเกิดความรู้สึกอับอายเพราะชาวบ้านต่างก็มองว่าอาจจะทำผิดอะไรหรือไม่ถึงได้ถูกไล่ออกจากงานจึงเป็นสาเหตุให้ฝ่ายชายคิดฆ่าตัวตายและเมื่อภรรยารู้อย่างนั้นจึงร้องไห้คู่กันและกอดคอกันพร้อมทั้งสัญญาว่าจะตายด้วยกัน

โดยสั่งพ่อกับแม่ของฝ่ายชายได้เล่าให้ฟังว่าฝ่ายชายน่าจะเปลี่ยนใจไม่อยากให้ภรรยาฆ่าตัวตายด้วยเพราะว่าตอนที่เกิดเหตุฝ่ายชายเดินออกมาหาพ่อกับแม่ที่หน้าบ้านแล้วก้มลงกราบพร้อมทั้งบอกว่าขอโทษหลังจากนั้นก็ได้ชักปืนยิงตนเองจนถึงแก่ความตายภรรยาที่อยู่ในห้องได้ยินเสียงปืน

จึงวิ่งออกมาดูและเมื่อเห็นว่าสามียิงตัวเองตายทางภรรยาก็ร้องไห้เสียใจแล้ววิ่งไปในครัวหยิบมีดมาแล้วแทงตัวเองไปจนถึง 4 แผลด้วยกันทำให้ถึงแก่ความตายด้วยกันทั้งคู่ซึ่งหลังจากที่ทั้งคู่ตายแล้วพ่อกับแม่ซึ่งกำลังช็อกอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ได้โทรแจ้งผู้ใหญ่บ้านกำนันรวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาช่วยดูแลศพและเมื่อมีการตรวจสอบพื้นที่ได้เข้าไปตรวจสอบห้องนอนของผู้ตายทั้งคู่พบว่ามีการเขียนจดหมายลาตายเอาไว้

โดยในจดหมายระบุว่าต้องผู้ต้องการที่จะตายไปพร้อมกัน  และส่วนที่หลายคนสงสัยว่าตอนที่ฝ่ายชายมากราบลาเพื่อจะยิงตัวตายนั้นเหตุใดพ่อกับแม่จึงไม่ยอมห้ามปรามซึ่งทั้งพ่อกับแม่ได้ออกมาจะบอกว่าตัวพ่อเองนั้นเป็นผู้ป่วยติดเตียงไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ส่วนตัวแม่ก็ชรามากแล้ว

จังหวะที่ฝ่ายชายก้มลงกราบแล้วก็พูดลาไฟฉายก็นำปืนออกมายิงตนเองทันทีจึงทำให้พ่อกับแม่ไม่สามารถห้ามปรามได้ทันส่วนฝ่ายหญิงนั้นหลังจากร้องไห้ฟูมฟายก็วิ่งไปในครัวซึ่งพ่อกับแม่เองก็ไม่สามารถวิ่งตามไปห้ามได้ทันเช่นเดียวกันจึงเกิดเหตุการณ์เศร้าสลดในครั้งนี้เกิดขึ้น

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  www.ufabet.com ลิ้งเข้าระบบ

ตำรวจจับหัวหน้าอุทยานน้ำตกหงาว

ตำรวจจับหัวหน้าอุทยานน้ำตกหงาว เพราะชวนลูกน้องกินเหล้าโดยไม่สน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 

              ในช่วงที่สถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  ยังไม่หายไปนี้ทางรัฐบาลเองก็ยังคงมีการออกพรกฉุกเฉินออกมาเพื่อให้ควบคุมสถานการณ์ไม่ให้คนไปแออัดกันรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนซึ่งจะเป็นการลดความเสี่ยงในการที่จะติดเชื้อไวรัสโคโรน่าได้ซึ่งการประกาศพรกฉุกเฉินนี้นั่นรวมหมายถึงว่า  แผนที่ไปรวมตัวกันอยู่ณจุดใดจุดหนึ่งเช่นไปรวมตัวกันอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งไม่ใช่บ้านของตนเองนั้นก็ถือว่าเป็นการทำผิดประกอบเช่นเดียวกันโดยเมื่อวันที่ 24 เมษายนปีพศ. 2563 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับการร้องเรียนเข้ามาว่ามีผู้กระทำผิดประกอบเฉินอยู่ในอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว

  ซึ่งเมื่อทางเจ้าหน้าที่เดินทางไปถึงตรงแถวบริเวณบ้านพักของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติก็พบกลุ่มเจ้าหน้าที่กำลังตั้งวงกินเหล้าและปิ้งย่างกันอย่างสนุกสนานเมื่อทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างก็พากันตกใจซึ่งในขณะนั้นมีการรวมตัวกันอยู่ทั้งหมด 8 คนโดยแบ่งผู้ชายออกเป็น 4 คนผู้หญิง 4 คน

โดยมีหัวหน้าอุทยานน้ำตกหงาวเป็นผู้รับว่าเป็นคนชวนลูกน้องให้มานั่งกินเหล้าด้วยกัน ซึ่งคนที่แจ้งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาดูพื้นที่ในอุทยานแห่งชาติในครั้งนี้ก็คือชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นโดยพวกเขาบอกว่าในช่วงเวลากลางคืนทางเจ้าหน้าที่อุทยานมีการตั้งวงกินเหล้ากันและมีการส่งเสียงดังรบกวนทำให้ชาวบ้านไม่ได้หลับนอนจึงต้องการให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจลงมาตรวจสอบพื้นที่หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้มีการส่งชุดตำรวจกลุ่ม 1 ลงมาคอยซุ่มดูบ้านพักของพนักงานอุทยานแห่งชาติ

ซึ่งรอดูได้ประมาณถึงช่วงประมาณสัก 21:00 นก็พบว่ากลุ่มคนงานได้ออกมารวมตัวกันตั้งวงกินเหล้าและส่งเสียงดังและเมื่อเจ้าหน้าที่เห็นแล้วว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายจริงจึงได้มีการแสดงตัวเข้าจับกุมซึ่งขณะที่มีการจับกุมนั้นพบว่าเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติจำนวน 8 คนที่นั่งกินเหล้ากันนั้นไม่มีใครสนใส่หน้ากากอนามัยเลยและบางคนก็ยังมีอาการเมาสุราทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้มีการควบคุมตัวไปที่ สภ. ราชกรูด 

และเหตุการณ์ในครั้งนี้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาวเป็นผู้รับผิดชอบเนื่องจากว่าเป็นคนชวนลูกน้องมากินเองเนื่องจากว่าเห็นว่าช่วงนี้อุทยานแห่งชาติมีการปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวที่นี่แล้วคุณคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องของการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทุกคนจึงได้มีการออกมากินเลี้ยงสังสรรค์กันตามปกติซึ่งการกระทำครั้งนี้ถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมายโดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมีการส่งให้ทางศาลไต่สวนพิจารณาคดีอีกครั้งหนึ่ง

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  gclub ฟรี 100

คนขายตั๋วรถไฟในอังกฤษติดโควิด ตายเพราะลูกค้าที่มาซื้อตั๋วถ่มน้ำลายใส่หน้า

             ที่ประเทศอังกฤษเกิดเรื่องราวที่น่าสลดใจเกิดขึ้นเมื่อมีคนขายตั๋วรถไฟคนหนึ่งที่ขายตั๋วอยู่ในช่องขายตั๋วประจำกรุงลอนดอนได้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าซึ่งสาเหตุของการติดเชื้อไวรัสนั้นมาจากตอนที่เขาขายตั๋วรถไฟอยู่นั้นได้มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาถมน้ำลายใส่หน้าเขาซึ่งชายคนดังกล่าวตรวจสอบพบภายหลังว่าเป็นผู้ป่วยโรคจิตและหลังจากที่เขาถูกถ่มน้ำลายใส่หน้านั้น

เขาก็มีอาการปกติทั่วไปหลังจากนั้นไม่นานเขาก็มีอาการกำเริบอย่างหนักและเสียชีวิตในเวลาต่อมา   การที่คนขายตั๋วรถไฟเสียชีวิตเพราะติดเชื้อไวรัสโคโรนานี้ถูกมีการเผยแพร่เรื่องราวออกมาเมื่อวันที่ 12 เดือนพฤษภาคมพศ2563 เมื่อมีรายงานข่าวจากสำนักข่าวแห่งหนึ่งว่าหญิงสาววัย 47 ปีเธอมีหน้าที่ในการนั่งขายตั๋วรถไฟอยู่ในกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ

โดยเธอมีการประจำอยู่ที่สถานีรถไฟวิคตอเรียถูกผู้โดยสารชื่อมาซื้อตั๋วถ่มน้ำลายใส่หน้าซึ่งเธอไม่รู้มาก่อนว่าผู้โดยสารคนดังกล่าวติดเชื้อไวรัสโคโรน่า  ซึ่งผู้โดยสารคนดังกล่าวนั้นไม่ได้มีการถ่มน้ำลายใส่หน้าเฉพาะเธอเท่านั้นแต่เพื่อนของเธอก็โดนด้วยเช่นกันและหลังจากนั้นไม่นานเธอ

และเพื่อนก็มีอาการไม่สบายเกิดขึ้นและเมื่อเธอและเพื่อนไปตรวจที่โรงพยาบาลก็พบว่าเธอและเพื่อนต่างติดเชื้อไวรัสโคโรน่าด้วยกันทั้งคู่หลังจากเธอเธอมีอาการป่วยที่รุนแรงขึ้นทางครอบครัวของเธอก็ได้นำตัวเธอส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแต่อาการของเธอไม่ดีขึ้นเนื่องจากว่าเธอมีอาการป่วยเกี่ยวกับเรื่องของโรคทางเดินหายใจอยู่แล้ว

ดังนั้นเมื่อเธอมาป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่าอาการของเธอจึงทรุดลงอย่างรวดเร็วและในที่สุดแค่เพียงสามวันที่เธอติดตัวเท่านั้นเธอก็เสียชีวิตลงโดยเหตุการณ์ในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามติดตามตัวผู้ชายที่ถ่มน้ำลายใส่หน้าเธอมาทำการสอบสวนโดยพบว่าผู้ชายคนดังกล่าวนั้นมีอาการป่วยทางจิต อย่างไรก็ดีหลังจากที่มีข่าวเรื่องที่เธอถูกถ่มน้ำลายใส่หน้าแล้วติดเชื้อไวรัสโคโรน่านั้นและเสียชีวิต

ในเวลาต่อมาและเป็นกระแสโด่งดังไปทั่วทำให้ทางการรถไฟเองได้ออกมายอมรับถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นพร้อมกับรับปากว่าจะมีการดูแลความปลอดภัยของทั้งพนักงานและผู้โดยสารที่มาใช้บริการรถไฟให้มากขึ้นกว่าเดิม  เพื่อที่ผู้โดยสารที่มาใช้บริการรวมถึงพนักงานที่คอยให้บริการลูกค้าอยู่ที่สถานีรถไฟจะได้มั่นใจในความปลอดภัยของตนเอง

โดยทางสถานีรถไฟจะเพิ่มมาตรการป้องกันเกี่ยวกับการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าให้มากขึ้นกว่าเดิม

 

 

สนับสนุนโดย  gclub มือถือ ทดลองเล่น

สายธารน้ำใจหลั่งไหลช่วยป้าที่ได้รับผลกระทบไม่ได้รับเงินเยียวยาจากเราไม่ทิ้งกัน

      หากยังจำกันได้ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันมีชาวบ้านต่างรวมตัวกันไปประชุมที่กระทรวงการคลังเรื่องของการไม่ได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาทจากโครงการเราไม่ทิ้งกันซึ่งประชาชนเหล่านั้นต่างได้รับการปฏิเสธการจ่ายเงินเยียวยาโดยให้เหตุผลว่าไม่เข้าข่ายที่จะได้รับเงินเพราะบางคนก็เป็นเกษตรกรหรือบางคนก็ยังสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ซึ่งจากข้อมูลการปฏิเสธจากบ้านต่างก็ไม่พอใจกันเป็นจำนวนมาก

โดยหลายคนพบว่าตนเองไม่ได้ทำงานเกษตรกรอย่างที่ทางโครงการมีการระบุเอาไว้แต่กลับให้เหตุผลที่ไม่ตรงกับอาชีพที่ตนเองส่งเรื่องไปหลายคนจึงได้มีการเข้าไปเรียกร้องเพื่อขอความเป็นธรรมให้กับตนเองเนื่องจากเงิน 5,000 บาทถึงแม้ว่าจะดูน้อยนิดแต่ก็สามารถต่อชีวิตสำหรับคนที่ไม่มีจะกินในช่วงนี้ได้โดยในวันดังกล่าวได้มีป้าวัยกลางคนคนหนึ่งใส่เสื้อสีเหลืองออกมาโวยวายให้สัมภาษณ์กับทางนักข่าวถึงปัญหาที่เธอกำลังเผชิญอยู่ว่าเธอมีอาชีพขายตุ๊กตาตามตลาดนัด

ซึ่งเมื่อตลาดปิดเธอไม่สามารถขายตุ๊กตาได้มือถือลงทะเบียนไปแล้วกลับได้รับข้อความปฏิเสธทำให้เธอเสียใจและไม่รู้จะทำยังไงต่อไปโดยเธอยังบอกอีกว่าปัจจุบันเธอค้างค่าค่าน้ำ เป็นจำนวน 2 เดือน  และยังค้างค่าไฟอีกเป็นจำนวน 2 เดือน แถมตัวเองก็ยังต้องเลี้ยงหลานอีก 1 คนพึ่งอายุแค่เพียงขวบกว่าๆเท่านั้นที่สำคัญเงินเหลือติดตัวตอนนี้เธอเหลือไม่ถึง 500 บาท

ด้วยซ้ำไปอย่างงั้นความหวังของเธอก็คือรอเงินช่วยเหลือจากรัฐบาล 5,000 บาทนี้แต่เมื่อเธอถูกปฏิเสธออกไปเธอก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไรเพราะยังไงเธอก็ต้องอดตายอยู่ดีซึ่งเมื่อนักข่าวได้มีการเผยแพร่คลิปเสียงรวมถึงภาพของเธอที่ให้สัมภาษณ์ออกไปผ่านทางสื่อโทรทัศน์รวมถึงสื่อออนไลน์ต่างๆก็มีผู้คนเป็นจำนวนมากต่างรู้สึกสงสารกับชะตาชีวิตของเธอในช่วงนี้

รวมถึงมีดาราอีกหลายคนที่อยากจะช่วยเหลือเธอในครั้งนี้ไม่   คุณพลอยเฌอมาลย์   โหน่งชะชะช่า  และยังมีดาราอีกหลายคนต่างก็ต้องการให้กำลังใจป้าคนดังกล่าวรวมถึงต้องการช่วยเหลือซึ่งล่าสุดนักข่าวได้ไปขอสัมภาษณ์ป้าอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่เป็นข่าวโด่งดังไปเมื่อสองสามวันที่แล้วโดยคุณป้าคนดังกล่าวได้บอกว่าปัจจุบันมีคนโอนเงินเข้ามาช่วยเหลือเป็นจำนวนมาก

ซึ่งตอนนี้มีเงินอยู่ในบัญชี 3,000 บาทโดยได้รับการโอนเงินมาจากเหล่าดาราอย่างเช่น โหน่งชะชะช่าก็โอนเข้ามาช่วยเหลือเป็นเงิน 500 บาทด้วยเช่นเดียวกันซึ่งตัวของคุณป้าเองยังไม่กล้าที่จะนำเงินนี้ออกมาใช้เพราะจริงๆแล้วเงินนี้เป็นเงินของประชาชนด้วยความตั้งใจของคุณป้านั้นป้าต้องการได้รับเงินตามสิทธิ์ที่ป้าควรจะได้รับนั่นก็คือเงินช่วยเหลือจากทางรัฐบาล 500 บาทนั้นเอง

และป้าก็ยังฝากขอบคุณทุกคนผ่านทางสื่อที่ช่วยเหลือป้าซึ่งเธอจะนำเงินในส่วนนี้ไปจ่ายหนี้ที่เธอมีอยู่รวมถึงจะนำเงินที่เหลือไปทำธุรกิจขายอาหารหน้าบ้านของตนเองเพื่อให้ครอบครัวสามารถดำเนินการต่อไปได้

 

 

สนับสนุนโดย  จีคลับ เล่นออนไลน์

อาจจะมีทบทวนการให้ขายเหล้าเบียร์กันใหม่

อาจจะมีทบทวนการให้ขายเหล้าเบียร์กันใหม่ เพราะภาพที่คนแห่ซื้อเหล้าเบียร์โดยไม่สนใจเว้นระยะห่างกัน

             หลังจากที่มีภาพวันแรกของการอนุญาตให้เปิดขายเหล้าเบียร์หรือแม้แต่เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์นั้นปรากฏว่าในโลกออนไลน์มีการแชร์ภาพกลุ่มคนเข้าไปแย่งกันซื้อเหล้าและเบียร์ที่ Makro กันเป็นจำนวนมากโดยที่ไม่มีใครสนใจเลยว่าจะต้องมีการเว้นระยะห่างกันซึ่งเมื่อภาพนี้เผยแพร่ออกไปและทางสปกได้ทราบจึงได้มีการออกสื่อประชาสัมพันธ์เตือนประชาชนกลายกลายว่าหากยังมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกการที่อนุญาตให้มีการขายเหล้าเบียร์ได้ก็จะมีการประกาศปิดการขายเหล้าเบียร์ทันที 

           หลังจากที่ทางรัฐบาลได้มีการประกาศผ่อนปรนเกี่ยวกับเรื่องของการอนุญาตให้ประชาชนสามารถขายเหล้าเบียร์ได้รวมถึงสามารถซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปรับประทานได้โดยมีผลมาแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 3 เดือนพฤษภาคมปี 2563 ที่ผ่านมาซึ่งในวันแรกเลยก็ปรากฏว่าได้มีคนถ่ายรูปการเข้าไปซื้อสินค้าในห้างแม็คโครโดยจุดที่ทำให้รัฐบาลถึงกับต้องกุมขมับนั่นก็คือจุดที่มีการขายเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์เหล้าเบียร์

ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีคนแห่ไปแย่งกันซื้อจนทำให้เห็นว่ามีการทะเลาะกันเกิดขึ้นทางแม็คโครเองก็ได้ออกมาบอกว่าในวันดังกล่าวนั้นสินค้าที่ขายเกี่ยวกับเหล้าเบียร์หรือแม้แต่อ่างทองขายหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่นานเท่านั้นเองโดยหลังจากที่มีภาพนี้หลุดออกมาทำให้หลายคนเห็นว่าในวันแรกที่มีการเปิดให้ถ่ายนั้นประชาชนมีการเข้าไปกักตุนเหล้าเบียร์กันเป็นจำนวนมาก

โดยไม่สนใจระยะห่างที่เคยมีการขอร้องและทางแม็คโครเองก็ไม่สามารถควบคุมประชาชนไปซื้อของกันอย่างเป็นระเบียบและไม่เกิดความวุ่นวายได้ดังนั้นจากภาพในครั้งนั้นทำให้ทางศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่าได้ออกมาพูดถึงภาพดังกล่าวว่าการที่ชาวบ้านพากันรวมตัวไปซื้อเหล้าเบียร์โดยไม่ยอมเว้นช่วงระยะห่างกันนั้นบางทีนี่เป็นสิ่งที่อาจจะทำให้ทาง    รัฐบาลเล็งเห็นว่าการปล่อยให้มีการค้าขายเหล้าเบียร์นั้นอาจจะไม่ใช่ผลดีอย่างแท้จริง

ซึ่งทั้งนี้ทางนายแพทย์ทวีศิลป์ที่เป็นโฆษกของทางศูนย์  ศบค.  ออกมากล่าวถึงเรื่องนี้ด้วยว่าหากการที่ปล่อยให้ประชาชนได้มีการซื้อเหล้าเบียร์ได้อย่างเสรีนั้นสถานการณ์ยังคงเป็นอยู่อย่างที่มีในวันสองวันแรกนี้ภายในระยะเวลา 14 วันอาจจะมีการพิจารณาการกลับมาสั่งห้ามการจำหน่ายเหล้าเบียร์อีกครั้งนึงก็เป็นไปได้

ซึ่งจะต้องดูก่อนว่าถ้าตั้งแต่เปิดอนุญาตให้มีการขายเหล้าเบียร์นั้นคนที่ติดเชื้อไวรัสยังมีติดเชื้อเพิ่มอยู่หรือไม่ถ้ายังมีติดเชื้ออยู่และผู้ติดเชื้อยังไม่ลดลงก็อาจจะต้องมีการถ้ามีการจำหน่ายเหล้าเบียร์เป็นการชั่วคราวต่อเนื่องไปอีกดังนั้นตอนนี้ ทาง ศบค. จึงขอดูสถานการณ์ก่อน

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  เว็บพนัน ufabet

เด็กติดเกมฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอ

เด็กติดเกมฆ่าตัวตายด้วยการแขวนคอสุดสยองพบมีการวาดรูปดาวเหมือนลัทธิซาตานก่อนตายไว้ภายในห้องพัก

           ที่บ้านหลังหนึ่งในจังหวัดเพชรบูรณ์ได้มีเหตุคนผูกคอตายทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปตรวจสอบยังสถานที่เกิดเหตุซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 เดือนพฤษภาคมปีพ.ศ 2553 โดยเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยเดินทางไปถึงก็พบว่าผู้ตายมีการแขวนคอตนเองอยู่กับคือของบ้านแต่ที่สร้างความสยดสยองและน่ากลัวให้กับคนที่เข้าไปพบเห็นศพนั้นก็คือผู้ตายได้ใช้มีดกรีดแขนของตนเองจนมีการเลือดออกไหลหยดลงพื้นและที่สำคัญตรงบริเวณพื้นที่ผู้ตายเสียชีวิตอยู่นั้นได้มีการเอาเลือดไปวาดเป็นสัญลักษณ์ของซาตานซึ่งเป็นรูปดาวอยู่ภายในวงกลม

ซึ่งสัญลักษณ์นี้เรามักจะเห็นตามภาพยนตร์หรือตามเกมต่างๆที่เป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับเรื่องของซาตานสถานที่เกิดเหตุที่พบศพคนผูกคอตายนั้นพบว่าเป็นห้องเช่าซึ่งเป็นลักษณะของห้องเช่าชั้นเดียวมีหลายห้องอยู่ติดกันลักษณะคล้ายกับห้องแถวโดยห้องที่พบศพนั้นมีการเปิดเป็นร้านซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าซึ่งพ่อของผู้เสียชีวิตได้บอกเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าผู้เสียชีวิตอายุเพียงแค่ 18 ปีเท่านั้น

ชื่อว่านายธีรพล  โดยปกติแล้วนายธีรพลมักจะเป็นเด็กติดเกมส์ไม่ค่อยออกไปไหนจะอยู่แต่ในห้องตลอดเวลาซึ่งภายในห้องของนายธีรพลนั้นก็จะมีแค่คอมพิวเตอร์แล้วก็พัดลมเท่านั้น ซึ่งพ่อและแม่ของนายธีรพลได้เล่าให้ฟังว่าตนเองนั้นเปิดห้องเช่าไว้ 2 ห้องซึ่ง 1 ห้องพ่อกับแม่จะอยู่ด้วยกันส่วนอีกห้องจะให้นายพลอยู่ซึ่งตัวนายพลนั้นตอนนี้กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5

แต่ส่วนใหญ่แล้วเขามักจะไม่ค่อยสุงสิงกับใครเพราะเป็นเด็กติดเกม ช่วงหลังๆเด็กชายมักจะไม่ไปโรงเรียนเพราะอยู่บ้านเล่นเกมอย่างเดียวซึ่งพ่อก็ได้มีการบ่นบ้างแต่ลูกก็ไม่เชื่อฟังกูที่โรงเรียนเคยมาตามให้ไปเรียนหนังสือแต่เด็กชายคนดังกล่าวก็ไม่ยอมไปซึ่งทั้งคุณครูและพ่อแม่ก็ไม่รู้จะทำยังไงกันดีจึงได้ปล่อยเลยตามเลยจนในที่สุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาในขณะที่แม่ของเด็กชายกำลังยืนล้างจานอยู่ 

อยู่ดีๆเด็กชายก็เดินเข้ามากอดด้านหลังของแม่แล้วก็บอกรักแม่ แล้วพอช่วงตอนค่ำๆไฟในห้องนอนของลูกชายก็ยังไม่เปิดทำให้พ่อกับแม่รู้สึกสังหรณ์ใจจึงได้พากันไปดูที่ห้องนอนของลูกพบว่าลูกฆ่าตัวตายแล้วซึ่งพ่อกับแม่บอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าปกติแล้วไม่เคยเข้าไปดูว่าลูกเล่นเกมเกี่ยวกับอะไร

เพราะดูไม่รู้เรื่องอีกทั้งช่วงหลังๆมาลูกชายมักจะไม่ให้พ่อกับแม่เข้าไปวุ่นวายในห้องนอนจึงไม่เคยเข้าไปสำรวจว่าห้องนอนของลูกชายเป็นยังไงบ้างหรือเขาเล่นเกมหรือว่าทำอะไรอยู่ในห้องนอนบ้างจนมาเกิดเรื่องเศร้าสลดใจขึ้น

 

สนับสนุนโดย  สล็อต เว็บตรงไม่ผ่านเอเย่นต์

นายแพทย์ที่ยะลายืนยันแล้ว

                 ก่อนหน้านี้ทางจังหวัดยะลาได้มีการนำเจ้าหน้าที่ของกระทรวงสาธารณะสุขเดินสายไปตามบ้านของชาวบ้านในเขตพื้นที่ต่างต่างของจังหวัดยะลาเพื่อหาชาวบ้านที่อาจจะมีเชื้อไวรัสโควิด-19 ในร่างกายแต่ไม่รู้ตัว ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ได้ทำการปูพรมค้นหาผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้วพบว่ามีจำนวนมากถึง 40 คนด้วยกันที่มีเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ในร่างกายโดยที่ชาวบ้านที่ติดเชื้อไม่ทราบเพราะไม่ได้แสดงอาการอะไรเลย

ซึ่งทางสาธารณะสุขของจังหวัดยะลาได้มีการส่งเรื่องมาที่กระทรวงสาธารณะสุขที่กรุงเทพเพื่อเป็นการอัพเดทจำนวนผู้ติดเชื้อปรากฏว่า ทางกระทรวงสาธารณะสุขไม่เชื่อจำนวนผู้ติดเชื้อที่ทางยะลาแจ้งมา เพื่อยอดมีสูงมากจนผิดปกติ จึงได้มีการประสานงานให้ทางสาธารณะสุขของจังหวัดยะลาทำการตรวจสอบคนที่ติดเชื้อไวรัสทั้งหมด 40 คนใหม่อีกครั้ง

เพราะเกรงว่าครั้งแรกที่มีการตรวจอุปกรณ์ที่ใช้ในการตรวจอาจจะไม่ได้มาตรฐานทำให้ผลตรวจอาจจะออกมาได้อย่างไม่ถูกต้องแม่นยำมากนัก ซึ่งในวันนี้ทางแพทย์ของสาธารณะสุขจังหวัดของจังหวัดยะลาได้ออกมายืนยันแล้วว่าผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสทั้ง 40 คนป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19  แน่นอน เพราะมีการตรวจพบว่ามีผลออกมาเป็นบวกเรียบร้อยแล้ว

  ซึ่งในตอนนี้ทั้ง40 คนยืนยันได้แล้วว่าเป็นผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19  ซึ่งเมื่อยืนยันแน่นอนแล้วว่า 40 คนป่วยติดเชื้อแน่แน่ ก็ต้องมาดูกันว่าทั้ง 40 คนนั้น ติดต่อกับใคร ใกล้ชิดกับใครบ้าง ซึ่งต้องย้อนหลังไปถึง 14 วันด้วยกันซึ้งคาดการณ์กันว่าจำนวนผู้ที่เคยใกล้ชิดกับคนที่ติดเชื้อไวรัสทั้ง 40 คนนี้น่าจะมีจำนวนไม่น้อยกว่าคนร้อยคนขึ้น ไป 

ทั้งนี้จากการสำรวจข้อมูลเพิ่มเติมจากคนที่ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พบว่ากลุ่มคนที่มีเชื้อไวรัสส่วนใหญ่นั้น มีการเดินทางมาจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย หรือบางคนอาจจะมีการกลับมาจากต่างประเทศ และมีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่มีการติดต่อกันภายในชุมชนของตัวเอง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขจังหวัดยะลาจะมีการซักฟอกประวัติอย่างละเอียด ถึงการเดินทางไปไหนมาไหนของผู้ป่วยทั้ง 40 คน

เพื่อให้ได้ข้อมูลให้ได้มากที่สุดว่ามีใครที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อจากบุคคลทั้ง 40 คนนี้หรือไม่  เพราะตามสถิติแล้วหากผู้ป่วยมีหนึ่งคน อย่างน้อยพวกเขาต้องไปสัมผัสคนอื่นอีกจำนวนน้อยสุดก็ประมาณ 10 คน หรืออาจจะมีมากกว่านั้น ซึ่งหากมีผู้ป่วยมากถึง 40 คนก็ต้องคุณจำนวนคนที่มีความเสี่ยงเข้าไปอีก 

 

 

ขอขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนโดย  sa gaming เข้าสู่ระบบ

ดราม่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจับคนมาแจกโจ๊กยังไม่จบ

            ยังเป็นกระแสร้อนแรงไม่จบจากกรณีที่มีพลเมืองดีต้องการช่วยเหลือชาวบ้านด้วยกันที่จังหวัดนครปฐมออกมาทำอาหารแจกชาวบ้านในช่วงเย็นเป็นประจำทุกวันซึ่งเธอบอกกล่าวกับทางนักข่าวว่าเธอทำแบบนี้มาแล้ว 6 วันและวันนี้คือเข้าวันที่ 7 ที่ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาจับกุมและยึดถุงโจ๊กทั่วไปจำนวน 250 ถุงโดยภายหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจโจ๊กของเธอไปนั้น

ได้นำเจ้าของเธอไปให้กับทางเจ้าหน้าที่ขับรถตะเวนแจกให้กับชาวบ้านซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับเจ้าของโจ๊กเป็นอย่างมากโดยเธอมองว่าคนที่มายืนต่อแถวรอการรับโจ๊กจากเธอนั้นมีมากมายเกือบ 300 ชีวิตพวกเขาเหล่านั้นต้องมายืนรอเข้าแถวเพียงแค่ต้องการโจ๊กถุงเดียวเพื่อไปประทังชีวิตแต่พวกเขากลับไม่ได้รับโจ๊กในขณะที่ทางเทศบาลนำโจ๊กของเขาไปแจกจ่ายประชาชนที่อยู่ตามบ้านเรือนทำให้เจ้าของโจ๊กรู้สึกเสียใจมากเพราะเขาสงสารคนที่ต้องเดินทางออกมาจากบ้านเพียงแค่ต้องการจะมารับโจ๊กที่มีคนนำบริจาคให้ ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้หลังจากที่ทางเทศบาลมีการบริจาคโจ๊กให้กับชาวบ้าน

ก็ได้มีการถ่ายรูปนำไปโพสต์ในเพจของเทศบาลเองหลังจากที่ประชาชนทราบข่าวชาวโซเชียลต่างก็พากันไปถล่ม Page ของเทศบาลเพราะทุกคนต่างก็ไม่พอใจกับวิธีการที่เทศบาลและที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำหลายคนมองว่าจากรูปภาพที่ลูกสาวของหญิงพลเมืองดีที่นำโจ๊กมาบริจาคให้กับชาวบ้านนั้นถ่ายลงสื่อโซเชียลจะเห็นได้ว่าชาวบ้านแต่ละคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีในการที่ยืนรอเว้นระยะห่างกันประมาณเมตรถึง 2 เมตรโดยยังมีภาพของลูกสาวของเจ้าของโจ๊กคอยวัดอุณหภูมิไข้และเทเจลล้างมือให้กับชาวบ้านที่มีรอรับโจ๊ก

ซึ่งจะเห็นได้ว่าการกระทำเช่นนี้ไม่ได้เป็นการรวมกลุ่มกันจนเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อได้ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะมีการผิด  พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ในเรื่องของการรวมตัวกันของประชาชนแต่ในสถานการณ์แบบนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่เทศบาลควรจะมีความเห็นอกเห็นใจกับชาวบ้านที่อุตส่าห์ออกมารอรับของบริจาคทั้งๆที่อากาศร้อนโดยอาจจะอนุโลมให้ในครั้งนี้แทนที่จะยึดของกลางแล้วนำไปบริจาคเองที่สำคัญที่ดราม่ายังคงร้อนแรงอยู่เนื่องจากว่าลูกสาวของเจ้าของถุงโจ๊กนั้นได้แจ้งกับทางสื่อโซเชียลว่าคุณแม่ของเธอกำลังจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเกี่ยวกับการทำผิด พ.ร.ก. ฉุกเฉินเนื่องจากนำของมาแจกในครั้งนี้อีกด้วย

ซึ่งเธอมองว่าการที่คนมีจิตใจดีต้องการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันแต่กลับจะต้องมาโดนฟ้องร้องแบบนี้นั้นถือว่าไม่แฟร์ เป็นอย่างมากซึ่งหลายคนมองว่าหากการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันแล้วต้องมาโดนคดีความแล้วจะมีคนดีที่ไหนอยากจะออกมาช่วยเหลือคนอื่น

 

 

สนับสนุนโดย  เว็บพนันบอลฝากขั้นต่ำ 100

ตลึงหนักมาก สาวติดไวรัสโควิด-19

ตลึงหนักมาก สาวติดไวรัสโควิด-19  ทั้งที่อยู่บ้านตลอด ตรวจสอบเชื้อไวรัสมาจากถุงใส่ของตอนสั่ง เดลิเวอรี่

            มีรายงานข่าวต่างประเทศซึ่งมาจากประเทศซึ่งมาจากประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ออกมารายงานว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งชื่อว่าราเชลเธอได้ออกมาบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุผลที่เธอต้องติดเชื้อไวรัสโควิด-19ทั้งที่ตัวเธอเองนั้นอยู่แต่กลับบ้านตลอด    ซึ่งเธอยืนยันว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาประมาณ 3 อาทิตย์เธอไม่เคยเดินทางออกจากนอกบ้านของเธอเลยแต่เธอกลับตรวจพบว่าเธอติดเชื้อไวรัสโควิด-19

ซึ่งเหตุผลที่เธอติดเชื้อไวรัสนั้นมาจากถุงที่ใช้ใส่สินค้าเวลาที่เธอสั่งของเดลิเวอรี่มาส่งที่บ้านเธอเชื่อว่าอาสาสมัครที่นำของมาส่งนั้นน่าจะติดเชื้อไวรัสโควิด-19แล้วจับถุงแต่สิ่งของมาส่งให้เธอโดยที่พวกเขาไม่ได้สวมถุงมือป้องกันการติดเชื้อหรือการแพร่เชื้อทำให้ตัวเองถึงแม้ว่าจะอยู่ในบ้านซึ่งถือว่าจะมีความปลอดภัยอย่างมากแต่ทำให้ติดเชื้อได้ โดยราเชล  ได้กล่าวว่าสำหรับตัวเธอนั้นสุขภาพร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้วเนื่องจากเธอมีปัญหาเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้ซึ่งถือได้ว่าร่างกายของเธอมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อได้ง่ายมาก

ดังนั้นเธอจึงหาข้อมูลวิธีการดูแลตัวเองให้ปลอดภัยจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19มาโดยตลอดทั้งดูข้อมูลจากทางอินเทอร์เน็ตและยังขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้โดยตรงซึ่งเธอปฏิบัติตามทุกขั้นตอนอย่างเคร่งครัดเธอเองใส่หน้ากากอนามัยล้างมือตลอดเวลากับตนเองอยู่แต่ในบ้านโดยเธอไม่ติดต่อโลกภายนอกเลยซึ่งเธอจำได้ว่าตลอดระยะเวลา 3 อาทิตย์ที่เธอกลับตัวอยู่บ้านนั้นเธอออกจากบ้านไปแค่ครั้งเดียว

เพื่อไปซื้อยาและที่สำคัญถึงแม้จะอยู่ในบ้านเธอก็ยังมีการดูแลตัวเองอย่างเต็มที่ด้วยการเว้นระยะห่างระหว่างกันซึ่งเธอและสามีของเธอก็นอนกันคนละห้องเป็นการชั่วคราวเพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเองติดเชื้อไวรัสโดยเธอมีการย้อนข้อมูลตั้งแต่เธอกักตัวเองอยู่ในบ้านก็คือเริ่มตั้งแต่วันที่ 15 เดือนมีนาคมเธอเดินทางออกนอกบ้านครั้งเดียวนั่นคือตอนไปซื้อยาซึ่งเป็นวันที่ 18 มีนาคมหลังจากนั้นเธอก็อยู่แต่บ้านตลอดดังนั้นผู้คนที่เธอสัมผัสและพบเธอด้วยก็จะมีแค่เพียงเภสัชกรที่ร้านขายยา 

สามีของเธอเองที่อยู่ที่บ้านร่วมกัน   และอาสาสมัครที่นำอาหารมาส่งให้เธอซึ่งแน่นอนว่าสามีของเธอไม่ได้ป่วยติดเชื้อและเภสัชกรเองก็ไม่ได้ป่วยติดเชื้อ  แต่เมื่อไม่นานนี้อาสาสมัครที่นำถุงอาหารมาส่งที่บ้านเธอนั้นตรวจพบว่ามีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19จึงทำให้หลังจากนั้นแค่เพียงสองวันเธอก็เริ่มมีอาการไม่สบายและอาการก็เริ่มรุนแรงขึ้น

ซึ่งตรงกับอาการของผู้ป่วยไวรัสโควิด-19  เธอจึงได้เดินทางไปตรวจร่างกายช่วยตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 และในที่สุดเธอก็พบว่าตนเองนั้นป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19จริงๆซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้สามารถเป็นอุทาหรณ์ให้กับหลายๆคนที่มีการสั่งซื้อของออนไลน์ให้มาส่งที่บ้านว่าหากจะรับของควรจะมีการฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อไปที่ถุงของนั้นก่อนหรือควรจะใช้ถุงมือในการจับของ

 

สนับสนุนโดย  www.ufa168.co ลิงค์เข้าใช้งานค่ะ

เด็กนักเรียนมัธยมปาดคอเพื่อน

        สำหรับเหตุการณ์ที่กำลังเป็นที่สนใจของคนในสังคมกันอย่างกว้างขวางนั้นคงหนีไม่พ้นเหตุการณ์ที่เด็กนักเรียนชายชั้นมัธยมศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุมธานีก่อเหตุเอาปากขวดปาดคอเพื่อนด้วยกันในโรงเรียน ซึ่งต่อมามีการสืบพบว่าโรงเรียนดังกล่าวคือโรงเรียนปทุมวิไล ซึ่งทาง ผอ. ของโรงเรียน ดร. เอกพรต สมุทธานนท์ ได้ออกมายืนยันแล้วว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงในโรงเรียนและเหตุการณ์ก็เป็นไปอย่างที่มีข่าวลงเพียง

แต่เรื่องของการทำโทษเด็กและการห้ามนำภาพไปเผยแพร่นั้นทางโรงเรียนมีเหตุผล ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางผู้ปกครองชองเด็กทั้งสองฝ่ายได้ตกลงเจรจาไกล่เกลี่ยกันเรียบร้อยแล้วและไม่ได้ติดใจอะไร ส่วนที่โรงเรียนไม่ลงโทษเด็กที่ทำความผิดก็เพราะว่า เด็กคนนี้มีประวัติรักษาอาการทางจิตมาตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมต้นแล้ว

ซึ่งทางโรงเรียนก็ทราบ และทราบมาว่าเด็กมีการักษาตัวอยู่กับทางโรงพยาบาล คาดว่าวันเกิดเหตุเด็กอาจไม่ได้ทานยามา จึงทำให้มาก่อเหตุดังกล่าว แต่ก่อนหน้านั้นเด็กคนนี้ก็ไม่ได้เคยทำร้ายใครมาก่อนและคุณครูที่โรงเรียนจะมีการดูแลอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ

ซึ่งในขณะนี้เด็กที่ก่อเหตุอยู่ในความดูแลของแพทย์ ทางโรงเรียนไม่ได้สั่งพักการเรียนแต่เป็นการหยุดเพื่อไปรักษาอาการและจะกลับมาเรียนได้เมื่อไหร่ก็ขึ้นอยู่กับการอนุญาตของแพทย์เจ้าของไข้ ส่วนเรื่องที่บอกกับเด็กไม่ให้ถ่ายรูปแล้วเอาไปโพสต์นั้นเนื่องจากทางโรงเรียนเห็นว่าเด็กทั้งสองคนยังเป็นเยาวชน  ไม่อยากให้มีผลกระทบกับตัวเด็กทั้งสองคนในภายหลังจึงได้ห้ามไป 

       จากการติดตามข่าวที่มีการออกมาบอกกันว่าเด็กที่ปาดคอเพื่อนนั้นมีอาการทางจิตแล้วไม่ได้กินยาจึงมาก่อเหตุดังกล่าว ในโลกออนไลน์ เด็กนักเรียนหลายคนที่อยู่ในโรงเรียนนั้น และเคยโดนผู้ก่อเหตุมาจีบแล้วพอไม่เล่นด้วยก็ด่าและข่มขู่ทำให้เด็กรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยกับการมาเรียนหนังสือหากเด็กที่ก่อเหตุยังคงเรียนหนังสืออยู่ที่นี่

ซึ่งตามความคิดเราในฐานะที่เป็นผู้ปกครองของนักเรียนคนหนึ่ง เราเข้าใจหัวอกของคนที่เป็นพ่อแม่ของเด็กที่ก่อเหตุนะคะว่าอยากให้ลูกเรียนหนังสือไม่อยากให้ย้ายไปที่ไหนเพราะตอนนี้อยู่ชั้น ม. 6 แล้ว อีกแค่ไม่กี่เดือนก็เรียนจบ หากถูกทำโทษเด็กจะเสียอนาคตได้ แต่ถ้าเราอยู่ในฐานะผู้ปกครองของเด็กคนอื่น

เราก็ไม่อยากให้เด็กที่ก่อเหตุยังอยู่ในโรงเรียนนี้ต่อไป ถึงแม้จะออกมาบอกว่าจะพาเข้ารับการรักษาอาการทางจิต แต่ถ้าหากเด็กไม่ยอมกินยาเหตุการณ์แบบนี้ก็อาจจะเกิดขึ้นอีกได้ แล้วใครจะมารับประกันความปลอดภัยให้กับลูกของเรา ดังนั้นเราอยากให้เด็กรักษาอาการทางจิตให้หายขาดก่อนแล้วค่อยกลับมาเรียนใหม่ดีกว่า

 

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  สมัคร gclub ไม่มีขั้นต่ำ